จับอดีตพนง.ขายประกัน ล้วงข้อมูลเหยื่อทำธุรกรรมสูญ10ล้าน

จับอดีตพนง.ขายประกัน ล้วงข้อมูลเหยื่อทำธุรกรรมสูญ10ล้าน

เตือนภัย! "นครบาล" แถลงจับอดีตพนง.ขายประกัน ลวงเหยื่อล้วงข้อมูลบัตรเครดิต แอบทำธุรกรรมสูญ 10 ล้าน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 17 ก.ค.2561 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.นพดล เจริญทรัพย์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ พ.ต.ท.ธิติพงษ์ สียา รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ พ.ต.ท.สรรเพชร สุวรรณไตร รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ ร.ต.อ.กิติพัฒน์ ใจอารีรอบ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ ร.ต.อ.สิทธิเดช หาญจริง รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ร.ต.ท.พิชิต สนธิโพธิ์ รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ นายปราโมทย์ ลลิตกิตติ ผู้จัดการอาวุโสแผนกตรวจสอบและป้องกันการทุจริต ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก. วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัวนายพีรยุทธ์ หรือ ตั้ม อายุ 27 ปี อดีตพนักงานขายประกันบริษัทแห่งหนึ่ง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.398/2561 ลง 13 มิ.ย. 2561 ในข้อหาใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเจ 7 สีน้ำตาลทอง จำนวน 1 เครื่อง และโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ทรู สีดำ สองซิม จำนวน 1 เครื่อง โดยสามารถจับกุมได้ที่ บริเวณอพาร์ทเม้นท์ หอการค้าคอนโด ซอยอินทามาระ 44 แขวงและเขตดินแดง กทม.

พล.ต.ต.อิทธิพล เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากตามนโยบาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ให้เร่งรัดสืบสวนปราบปราม จับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ ถือเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยทั่วไปรวมทั้งคดีที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนในวงกว้าง โดยคดีนี้มีผู้เสียหายและข้อมูลจากการร้องเรียนจากสถานบันทางการเงินหลายแห่งจากชมรมบัตรเครดิตสมาคมธนาคารไทยมายัง บก.สส.บช.น. ว่า ได้มีกลุ่มคนร้าย มีการลักลอบทำการซื้อขายข้อมูลทางธุรกรรมทางการเงินของประชาชน จากนั้นนำข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลหมายเลขบัตรประชาชน รวมทั้งวันหมดอายุ ไปทำการซื้อขายสินค้าออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะสินค้าประเภททรูมันนี่ต้องขอรหัสรหัสหลังบัตร 3 ตัวหลัง (ODO) โดยคนร้ายก็จะปลอมเป็นพนักงานสถานบันทางการเงิน หรือพนักงานบริษัทประกันภัย โทรศัพท์ไปยังเจ้าของบัตร เพื่อขอรหัสในการทำธุรกรรม โดยอ้างว่าเป็นการนำไปใช้ต่อประกัน หรือจะคืนเงินจากเบี้ยประกันให้ เพียงแค่บอกรหัสรับเงิน จนผู้เสียหายหลงเชื่อมอบรหัสทำธุรกรรมให้ไป

ทางด้าน พ.ต.อ.พรศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับวิธีการลงมือนั้น เมื่อคนร้ายกลุ่มนี้ได้รับรหัสแล้ว คนร้ายจะนำรหัสดังกล่าวไปซื้อสินค้าออนไลน์ ทำให้ผู้เสียหายและสถานบันทางการเงินได้รับความเสียหายหลายราย ผู้ต้องหารายนี้ได้กระทำมาแล้วเป็นเวลาหลายปี มูลค่าความเสียหายรวมเป็นจำนวนกว่า 10 ล้านบาท ทั้งยังเคยถูกจับกุมมาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาในข้อหาเดียวกันส่งทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ดำเนินคดีมาแล้วพฤติการณ์เดียวกันนี้ แต่ยังกระทำความผิดในลักษณะเดิมเรื่อยมาจนทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้างเนื่องจากเป็นวิธีที่ได้เงินมาโดยง่าย นอกจากนี้ ผู้ต้องหาได้มีการอำพราง และวิธีการกระทำความผิดที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น พ.ต.ต.อิทธิพล ได้สั่งการให้ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ เร่งรัดการจับกุมคนร้ายรายนี้ให้ได้โดยเร็ว เพื่อเป็นการยับยั้งความเสียหายและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน จนกระทั่งต่อมา เมื่อวันที่ 16 ก.ค. เวลาประมาณ 00.55 น.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสืบทราบว่าผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งจากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา ยังพบว่าผู้ต้องหารายนี้มีข้อมูลหมายเลขบัตรเครดิต หมายเลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์มือถือ และวันหมดอายุบัตรของบุคคลอื่นที่พร้อมจะก่อเหตุมากถึง 20,500 ราย จึงได้จับกุมผู้ต้องหารายนี้นี้พร้อมของกลางนำส่ง พนักงานสอบสวน บก.ปอศ. เพื่อทำการสืบสวนขยายผลอีกครั้ง


ขณะที่ นายปราโมทย์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวไม่ใช่กรณีแรกที่มีผู้ก่อเหตุดังกล่าวที่ใช้วิธีการโทรจากธนาคารบ้างและบริษัทประกันบ้าง เสนอผลประโยชน์อะไรมาจากลูกค้า ปกติธนาคารมีการแจ้งเตือนกรณีดังกล่าวอยู่แล้ว ขอให้อย่าหลงเชื่อ เนื่องจากธนาคารไม่มีนโยบายในการขอข้อมูลรหัสบัตรในการทำธุรกรรมออนไลน์ของลูกค้าใดๆ ทั้งสิ้น ฝากย้ำไว้ ในส่วนขอธนาคารอีกจุดหนึ่ง ทุกธนาคารมีการแจ้งเตือนสิ่งผิดปกติ ขอให้ทางผู้ใช้บริการมั่นตรวจสอบการแจ้งเตือนและข้อความของธนาคารแจ้งเตือนไปเพื่อระงับยับยั้งไม่ให้ผู้ก่อเหตุนำข้อมูลไปใช้ ส่วนข้อมูลที่ได้มานั้น ผู้ก่อเหตุได้มาจากเพื่อนที่เป็นพนักงานขายประกันที่เคยทำงานอยู่ของธนาคารกรุงศรีเสียหายเป็นเงินจำนวน 3 ล้านบาท ฝากย้ำอีกครั้งกรณีที่บริษัทประกันถือครองข้อมูลลูกค้าก็ต้องเพิ่มความเข้มในการจ้างพนักงานและการเก็บรักษาข้อมูลลูกค้า

ด้านพ.ต.ท.สรรเพชร กล่าวว่า ขอเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า กรณีดังกล่าวนี้ บก.สส.บช.น.ได้ดำเนินการขยายผลติดตามเพื่อสืบสวนจับกุมกลุ่มบุคคลที่มีการซื้อขายข้อมูลทางการเงินมาโดยตลอด เนื่องจากพฤติกรรมดังกล่าวมักจะก่อให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง หากประชาชนโดยทั่วไปพบว่ามีการโทรศัพท์มาขอรหัสการทำธุรกรรมต่างๆ ก็ไม่ควรจะให้ และควรจะติดต่อไปยังสถาบันทางการเงินโดยตรงเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นการกระทำของสถาบันทางการเงินจริงหรือไม่ โดยกลุ่มคนร้ายจะขอข้อมูลเพื่อให้ของรางวัลพิเศษต่างๆ ขออย่าให้หลงเชื่อโดยอย่างเด็ดขาดให้รหัสบัตรเครดิตหรือข้อมูลสำคัญไปโดยเด็ดขาด ทั้งนี้กรณีที่มีเบาะแสหรือมีข้อสงสัยว่าจะถูกหลอกลวงสามารถให้เบาะแสหรือขอคำปรึกษาได้ที่ เฟสบุ๊ค “ วิเคราะห์ข่าว นครบาล” ซึ่งเป็นเฟสบุ๊คของ กองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อที่จะได้ให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษากับประชาชนต่อไป