พีอาร์สาวร้องกองปราบ เอาผิดลูก 'พ.ต.อ.' ล่อลวงรุมโทรมคาบ้าน

พีอาร์สาวร้องกองปราบ เอาผิดลูก 'พ.ต.อ.' ล่อลวงรุมโทรมคาบ้าน

คดีไม่คืบ "พีอาร์สาว" นศ.ม.ดังร้องกองปราบ เอาผิดลูกอดีตนายตำรวจใหญ่ยศ "พ.ต.อ." ล่อลวงให้เพื่อนรุมโทรมคาบ้าน หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 16 ก.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อม น.ส.เอ (นามสมมุติ ) อายุ 24 ปี นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในกทม. และเป็นพนักงานพีอาร์ของสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ริมถนนประเสริฐมนูกิจ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ทรงพล หมวกจันทร์ สว.สอบสวน กก.1บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับลูกชายของข้าราชการตำรวจเกษียณยศ พ.ต.อ. รายหนึ่งกับพวก รุมโทรมหลังได้หลอกลวงไปรุมโทรมที่บ้านพักแห่งหนึ่งย่านเกษตรนวมินทร์ เมื่อกลางดึกวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา

น.ส.เอ เปิดเผยว่า ก่อนวันเกิดเหตุประมาณ 1 สัปดาห์ ขณะที่ตนเดินออกจากร้านหลังเลิกงานคู่กรณีได้เดินเข้ามาขอไลน์และเบอร์โทรศัพท์ตน ซึ่งตนก็ให้ไป ต่อมาวันเกิดเหตุได้โทรศัพท์มาหาพร้อมบอกว่าจะมารับพาไปส่งบ้าน ตนจึงตอบรับคำเนื่องจากมีเพื่อนร่วมงานอีก 1 คนที่อยู่ในอาการมึนและเห็นว่าคู่กรณีมาเพียงคนเดียว จึงยอมให้พาขึ้นรถแท็กซี่ไปส่ง โดยไปส่งเพื่อนของตนก่อนจากนั้น คู่กรณีก็ได้ออกอุบายว่าขอแวะไปเอารถที่บ้านเพื่อนก่อน แถวย่านนวมินทร์ 74 แยก 3 แต่เมื่อไปถึงก็ได้ชักชวนให้ตนไปในบ้าน ก่อนคู่กรณีและเพื่อนที่รออยู่ในบ้านหลังดังกล่าวอีก 1 คนจะใช้กำลังบังคับรุมข่มขืนตน จนตนต้องจำยอมวิ่งเปลือยกายออกมาขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดีข้างนอกบ้าน โดยหลังเกิดเหตุคู่กรณีได้โทรศัพท์มาขอโทษพร้อมกับเจรจาไกล่เกลี่ยไม่ให้ตนแจ้งความเอาผิด ตนจึงปฏิเสธกลับไปพร้อมกับบอกว่าหลังจากนี้อย่าไปกระทำแบบนี้กับใครอีก

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้พาผู้เสียหายเดินทางเข้าแจ้งความกับกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ไปแล้วเมื่อวันที่ 2 ก.ค. ซึ่งได้มีการสอบปากคำผู้เสียหายพร้องส่งตัวไปตรวจร่างกายที่รพ.ตำรวจ เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ต่อมาวันที่ 13 ก.ค. ได้รับแจ้งจาก พนักงานสอบสวน บก.ปคม. ว่าไม่มีอำนาจในการสอบสวน จึงได้ร้องขอให้ทาง ปคม. ช่วยโอนคดีนี้มาให้กองปราบปราม เป็นผู้ทำคดีนี้แทน เนื่องจากคู่กรณีเป็นบุตรชายนายตำรวจนอกราชการ ที่มีเส้นสายในวงราชการทำให้ผู้เสียหายเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม อีกทั้งตนมีข้อมูลว่าทาง พ.ต.อ. ซึ่งเป็นบิดาของผู้ถูกกล่าวหาได้มีการวิ่งเต้นทางคดีหรือไม่ เพื่อขอให้มีการเปลี่ยนข้อกล่าวหาจากข้อหารุมโทรมเป็นข้อหาข่มขืน เพราะข้อหาดังกล่าวสามารถที่จะเจรจาไกล่เกลี่ยยอมความกันได้ รวมถึงตนยังเชื่อว่านอกจากกรณีแล้วยังมีหญิงสาวอีกหลายรายที่เคยถูกคู่กรณีกระทำในลักษณะดังกล่าว

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องดังกล่าวไว้ พร้อมกับทำการสอบปากคำผู้เสียหายเพื่อนำข้อมูลจากการสอบปากคำมาพิจารณาร่วมกับพยานหลักฐานอื่นๆ ก่อนจะรวบรวมเรื่องทั้งหมดส่งให้กับทางผู้บังคับบัญชาพิจารณาการสั่งการต่อไป