วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (16 ก.ค.61)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (16 ก.ค.61)

ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว หลังอุปทานอาจตึงตัวยิ่งขึ้นจากความไม่สงบ

+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากอุปทานน้ำมันดิบมีแนวโน้มตึงตัวเพิ่มขึ้น หลังสหภาพแรงงานที่แหล่งขุดเจาะน้ำมันในประเทศนอร์เวย์ ซึ่งมีกำลังการผลิตกว่า 23,900 บาร์เรลต่อวัน ยังคงเดินหน้าประท้วงต่อเนื่อง โดยหากสถานการณ์การประท้วงยังคงยืดเยื้อต่อไป อาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในแหล่งขุดเจาะใกล้เคียงในแถบทะเลเหนือได้ นอกจากนี้ การประท้วงในประเทศอิรักที่เมือง Najaf กลุ่มสหภาพแรงงานได้มีการปิดกั้นการจราจรในสนามบินและท่าเรือส่งออกสินค้า ล่าสุดสถานการณ์ได้ทวีความรุนแรงและกระจายไปสู่เมือง Basra ซึ่งเป็นแหล่งส่งออกน้ำมันดิบหลักของอิรักที่ราวร้อยละ 95 แต่ขณะนี้ยังไม่มีการกระทบต่อการส่งออกใดๆ ทั้งสิ้น

+ รายงานล่าสุดจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานสหรัฐ (EIA) เผยปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับลงกว่า 12.6 ล้านบาร์เรล หลังแหล่งผลิตน้ำมันดิบ Syncrude ในแคนาดายังไม่สามารถผลิตได้เต็มกำลังและคาดจะกลับมาดำเนินการตามปกติอีกครั้งอย่างช้าภายในเดือน ก.ย. 61

- ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียคาดจะปรับเพิ่มขึ้นกว่า 400,000 บาร์เรลต่อวัน หลังท่าเรือส่งออกน้ำมันดิบ Zueitina และ Hariga ได้กลับมาทำการปกติอีกครั้ง หลังมีการประกาศเหตุสุดวิสัยในวันที่ 14 มิ.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้กำลังการผลิตต้องชะงักไปกว่า 800,000 บาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม ท่าเรือส่งออกน้ำมันดิบ Ras Lanuf และ Es Sider ยังคงต้องปิดซ่อมบำรุงไปอีกระยะหนึ่ง

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากอุปทานที่อยู่ระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังโลกอยู่ในระดับเหนือค่าเฉลี่ย 5 ปี อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นจากสหรัฐฯ และเม็กซิโก

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์ที่ปรับลดลงในช่วงฤดูมรสุม โดยเฉพาะจากประเทศอินเดียรวมถึงอุปทานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการส่งออกจากประเทศจีนและการกลั่นน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับสูง

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 68-73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 72-77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

  • แรงกดดันในสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ได้เพิ่มความรุนแรงมากขึ้นและมีแนวโน้มส่งผลกดดันต่อเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมัน หลังนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรวมมูลค่ากว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ฯ ในอัตราร้อยละ 10 ซึ่งคาดจะมีผลบังคับใช้ปลายเดือนสิงหาคมนี้ ล่าสุดทางจีนออกมาตอบโต้ว่าจะเตรียมออกมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ ในเร็วนี้
  • ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียคาดจะปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากท่าเรือส่งออกน้ำมันดิบ Zueitina และ Hariga ได้กลับมาทำการปกติอีกครั้ง หลังได้มีการประกาศเหตุสุดวิสัยในวันที่ 14 มิ.ย. 61 อย่างไรก็ตาม ท่าเรือส่งออกน้ำมัน Ras Lanuf และ Es Sider ได้รับความเสียหายค่อนข้างมาก จึงต้องมีปิดซ่อมบำรุงไปอีกระยะหนึ่ง
  • ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดจะปรับลดลงต่อเนื่อง หลังความต้องการใช้น้ำมันของสหรัฐฯ อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง รวมถึงปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบจากแคนาดาที่มีทิศทางปรับลดลง

-------------------------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)          

        โทร.02-797-2999