'ประยุทธ์' ขอบคุณเกษตร19ราย ไม่ขอรับชดเชย

'ประยุทธ์' ขอบคุณเกษตร19ราย ไม่ขอรับชดเชย

"ประยุทธ์" ขอบคุณเกษตร 19 ราย เสียสละ ไม่ขอรับเงินช่วยเหลือเยียวยา หลังเป็นที่รับน้ำถ้ำหลวงช่วยทีมหมูป่า

เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รับทราบความคืบหน้าการช่วยเหลือเยียวยาแก่เกษตรกร 4 ตำบล ในอ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่เสียสละพื้นที่ปลูกเป็นที่รับน้ำเพื่อช่วยเหลือเยาวชนทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมี 13 คน ออกจากถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน โดยล่าสุดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ลงพื้นที่มอบปัจจัยการผลิต ได้แก่ ต้นพันธุ์ลิ้นจี่ มะเขือ พริก เชื้อรากำจัดโรคข้าว ไส้เดือนฝอยชนิดผง ปุ๋ย และน้ำหมักชีวภาพ พร้อมทั้งจัดบริการซ่อมแซมเครื่องจักรกลการเกษตร เช่น รถอีแต๋น เครื่องสูบน้ำ เครื่องตัดหญ้า เป็นต้น

นอกจากนี้ จะมีการจ่ายเงินชดเชยความเสียหายไร่ละ 1,113 บาท รายละไม่เกิน 30 ไร่ ผ่านบัญชีของเกษตรกรโดยตรงในเร็ว ๆ นี้ รวมมูลค่าความช่วยเหลือราว 1.4 ล้านบาท รวมทั้งจะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปให้ความรู้ในการฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำลด และมอบเมล็ดพันธุ์ข้าวเหนียว 2 สายพันธุ์ คือ ข้าวขาวทิพย์ 105 และสายพันธุ์ กข 6 จำนวน 14 ตัน ให้แก่เกษตรกรด้วย

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี รับทราบว่ามีเกษตรกร 19 ราย ที่ไม่ขอรับเงินช่วยเหลือ เพราะตั้งใจเสียสละเพื่อช่วยเหลือเยาวชนทั้ง 13 คนให้สามารถออกจากถ้ำได้อย่างปลอดภัย จึงแสดงความชื่นชมและขอบคุณจากใจจริง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพร้อมที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้ เพื่อตอบแทนความมีน้ำใจโอบอ้อมอารีที่ทุกคนมีต่อเพื่อนมนุษย์

พล.ท.สรรเสริญ ยังเปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีเรือล่มที่ จ.ภูเก็ต โดยให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ยังคงปฏิบัติการกู้ภัยให้ภารกิจสำเร็จโดยเร็ว พร้อมทั้งได้กำชับเรื่องการสอบสวนคดีให้ดำเนินการอย่างรัดกุมและครอบคลุมในทุกประเด็น เช่น การออกเรือ มาตรฐานของเรือ การตรวจสอบของหน่วยงานรัฐ เป็นต้น โดยจะต้องดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังแสดงความเป็นห่วงเรื่องการทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวจีน เพราะเบื้องต้นได้รับรายงานว่ามีบางส่วนเริ่มยกเลิกการเดินทางมา จ.ภูเก็ต แล้ว โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และทีมประเทศไทยในจีนร่วมกันชี้แจงข้อมูลเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะมาตรการของรัฐในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีเสียชีวิต บาดเจ็บ และการฟื้นฟูจิตใจ

ที่สำคัญคือแนวทางการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้อีก จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกระดับการควบคุมให้เข้มงวดขึ้น โดยจะต้องตรวจเรือท่องเที่ยวเช่นเดียวกับเรือประมง ให้นำต้นแบบศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออกเรือประมง (PI-PO) มาใช้กับเรือท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องตรวจตั้งแต่ตัวเรือ กัปตันเรือ ลูกเรือ จำนวนนักท่องเที่ยว อุปกรณ์ความปลอดภัย เสื้อชูชีพ เส้นทางการเดินเรือ โปรแกรมท่องเที่ยว ฯลฯ หากมีเรือลำใดออกจากท่าเรือโดยไม่ปฏิบัติตามที่กำหนดให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ปล่อยปละละเลยด้วย