IVL - ซื้อ

IVL - ซื้อ

อยู่ในวัฏจักรขาขึ้น

คาดการณ์ผลประกอบการที่มีแข็งแกร่งต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 3/61, กำไรหลักปี 2561 ที่มีแนวโน้มเติบโต 40% YoY และอัพไซด์ต่อภาพการเติบโตของกำไรของ IVL จากโอกาสในการซื้อกิจการใหม่ๆ ทำให้เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าหุ้นยังไม่แพง โดยซื้อขายที่ PER ปี 2561 ที่ 13.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 17 เท่าอย่างมีนัยสำคัญ

คาดกำไรหลักไตรมาส 2/61 ทำสถิติสูงสุดอีกครั้ง

เราคาด IVL จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/61 ที่ 7,759 ล้านบาท ทะยานขึ้น 164% YoY และ 34% QoQ หนุนโดยการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและกำไรจากรายการพิเศษ ขณะที่กำไรหลักมีแนวโน้มทำสถิติสูงสุดเป็นไตรมาสที่สองติดต่อกันที่ 6,814 ล้านบาท พุ่งขึ้น 90% YoY และ 47% QoQ หนุนโดยปริมาณขายเพิ่มขึ้น, ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กว้างขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจากสินทรัพย์ที่เพิ่งซื้อมา เราประเมินปริมาณขายเพิ่มขึ้น 8% YoY และ 3% QoQ หนุนโดยช่วงไฮซีซั่นของอุปสงค์ต่อเม็ดพลาสติก PET และ PTA
รวมถึงเป็นเดือนแรกที่รับรู้รายได้จากสินทรัพย์ PET ใหม่ในประเทศบราซิล (ดีลการซื้อสินทรัพย์แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 24 พ.ค.) ขณะที่เราคาด EBITDA หลัก/tonne สำหรับไตรมาส 2/61 ที่ 190 เหรียญสหรัฐ ขยายตัว 78% YoY และ 36% QoQ เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์หลักทุกประเภทกว้างขึ้น (PET, PTA, EOEG)

ไตรมาส 3/61 จะเป็นอีกหนึ่งไตรมาสที่แข็งแกร่งแม้เป็นช่วงโลว์ซีซั่น

โดยปกติครึ่งปีหลังเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของผลิตภัณฑ์สายโพลีเอสเตอร์ ดังนั้นส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์สายดังกล่าวคาดจะลดลง QoQ ในไตรมาส 3/61 อย่างไรก็ตามอุปทานที่ตึงตัวจะหนุนให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์อ่อนตัวลงไม่มากนัก แม้เป็นช่วงโลว์ซีซั่น สินทรัพย์ที่ IVL เพิ่งซื้อมา –โรงงาน PET ในประเทศอียิปต์และโรงงาน PTA ในประเทศโปรตุเกส – จะหนุนให้ปริมาณขายไตรมาส 3/61 เติบโต ทั้งนี้พื้นฐานอุปสงค์-อุปทานที่ดีขึ้นจะเป็นปัจจัยหนุนส่วนต่างราคา PTA และ PET ให้ขยายตัว YoY ต่อเนื่องในไตรมาส 3/61 ดังนั้นเราคาดแนวโน้มกำไรหลักของบริษัทจะเติบโต YoY ต่อเนื่องถึงไตรมาส 3/61 อย่างไรก็ตามกำไรหลักคาดชะลอตัว QoQ ตามปัจจัยทางฤดูกาลในไตรมาส 3/61 ขณะที่โอกาสในการซื้อกิจการอื่นๆเพิ่มเติมเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการของเรา

ปี 2561—เข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นรอบใหม่ของผลิตภัณฑ์สายโพลีเอสเตอร์

ไตรมาส 1/61 พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าตลาดผลิตภัณฑ์สายโพลีเอสเตอร์เป็นขาขึ้น หนุนโดยอุปสงค์เติบโตแข็งแกร่งและอุปทานตึงตัว ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์สายดังกล่าวมีแนวโน้มขยายตัว YoY ตลอดทั้งปี 2561 กำลังการผลิตที่เพิ่มเข้ามาน้อยลง, อุปสงค์ที่เติบโตต่อเนื่อง, วินัยของผู้ผลิตที่มากขึ้นและต้นทุนวัตถุดิบ PX ที่ลดลงจะเป็นปัจจัยหนุนให้ส่วนต่างราคาขยายตัวกำลังการผลิต PTA ใหม่จานวน 3.8 ล้านตันที่เริ่มดาเนินงานในปี 2561 นั้นน้อยกว่าประมาณการอุปสงค์เติบโตที่ 4.5 ล้านตันอย่างมีนัยสาคัญ  สาหรับ PET นั้น กำลังการผลิตใหม่ที่คาดว่าจะเพิ่มเข้ามา 3.1 ล้านตันในปี 2561 มากกว่าคาดการณ์อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นเพียง 1.8 ล้านตัน อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าข้อจากัดทางการเงินของผู้ผลิตบางรายจะทำให้กำลังการผลิตที่จะเข้ามาล่าช้าออกไปหรือการหยุดกำลังการผลิตที่มีอยู่ ดังนั้นอาจจะทำให้อุปทานเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดและน้อยกว่าอุปสงค์ที่เติบโต