NETBAY - ซื้อ

ทฤษฎีกบต้ม เป็นการทดลองที่บอกให้เราต้องปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นโดยเร็ว ก่อนที่มันจะสายไป เฉกเช่นเดียวกับในโลกธุรกิจ หลายๆบริษัท หลายๆองค์กรยังปฏิเสธที่จะปรับตัวให้ทันกับโลกของเทคโนโลยี และรอจนกระทั่ง Digital disruption ค่อยๆเข้ามาทำร้ายธุรกิจของตนเอง อย่างไรก็ตามเรายังหวังว่าท้ายที่สุดกบเหล่านั้นจะรู้ตัวเองและกระโดดออกมาจากหม้อก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ซึ่ง ณ เวลานั้นเองจะยังมีโอกาสธุรกิจอีกมาก สาหรับ NETBAY “ซื้อ”

ปริมาณการนำเข้า-ส่งออกเติบโตแข็งแกร่ง

ธุรกิจ E-customs clearance services มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากปริมาณการนำเข้า-ส่งออกที่เพิ่มมากขึ้นจากเศรษฐกิจที่ขยายตัว มูลค่าการส่งออกสินค้าในเดือนพ.ค. ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 22.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 13.1% YoY ส่งผลให้การส่งออกใน 5 เดือนแรกของปี 2561 ขยายตัว 11.3% YoY มาอยู่ที่ 1.03 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 12.7% YoY มาอยู่ที่ 1.96 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในเดือนพ.ค. (หลังจากที่เติบโต 25.8% YoY ในเดือนเม.ย.) สำหรับ เดือนเม.ย.-พ.ค. มูลค่าการนำเข้าไทยสูงขึ้น 7% YoY และการส่งออกเพิ่มขึ้น 5% YoY แม้เรามองว่ามีความเสี่ยงจากสงครามการค้าระหว่างประเทศ ผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นมีจำกัด เนื่องจากสัดส่วนสินค้าที่โดนภาษีที่ไทยส่งออกไปยังจีนและอียู เช่น ยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ คิดเป็นเพียงราว 3% ของสินค้าส่งออกทั้งหมด

ราคาหุ้นปรับตัวลงมาโดยพื้นฐานบริษัทยังแข็งแกร่ง

ราคาหุ้น NETBAY ปรับตัวลงมาราว 26% ภายในเวลา 2 วัน (5-6 ก.ค.) มาทำสุดต่ำสุดในรอบ 9 เดือนเนื่องจากมีข่าวลือประเด็นผลกระทบจากคู่แข่งรายใหม่ กรมการปกครองประกาศว่าจะอนุญาตให้ผู้ให้บริการรายอื่นเข้ามาเชื่อมโยงในระบบ E-KYC ตลาดจึงกังวลเกี่ยวกับผู้เล่นรายใหม่เนื่องจากการแข่งขันจะสูงขึ้น แต่เรายังไม่เห็นผลกระทบที่มีนัยสำคัญต่อ NETBAY โดยบริษัทมีรายได้จาก E-KYC น้อยกว่า 1 ล้านบาทในปี 2560 ขณะที่แหล่งรายได้หลักอย่างแพลทฟอร์มสำหรับกรมศุลฯ ที่แม้จะเข้าตลาดเป็นรายที่สาม แต่ขยายส่วนแบ่งการตลาดขึ้นเป็นอันดับหนึ่งได้(ปัจจุบันอยู่ที่ราว 70%) ผู้บริหารชี้ว่าค่าบริการของบริษัทไม่เคยตัดราคาคู่แข่ง ดังนั้น เราเชื่อว่าคุณภาพและความน่าเชื่อถือต่อการบริการ (รวมถึงราคาที่สมเหตุสมผล) จะทาให้ NETBAY ได้เปรียบด้านการแข่งขัน

ขนาดใหญ่ขึ้นชี้ถึงอัตรากำไรมากขึ้น

บริษัทมีโอกาสที่จะพัฒนาระบบ e-Tax ให้กับกรมสรรพากร ซึ่งอาจเป็นตัวทำรายได้ที่ใหญ่ว่ากรมศุลฯ (แหล่งรายได้ที่ใหญ่ที่สุดของ NETBAY ในปัจจุบัน) ผู้บริหารคาดราว 95% ของรายการทั้งหมดในประเทศไทยยังทำโดยใช้กระดาษ แม้แต่สำหรับกรมศุลฯ เอง มีเอกสารกว่า 190 ประเภทที่ผู้นาเข้า-ส่งออกต้องยื่น และปัจจุบันมีแบบฟอร์มเพียง 10 ประเภทที่ทาผ่านอิเล็กทรอนิกส์