ปตท.รุกขับเคลื่อน 'ดิจิตอลเวิร์คเพลส' รับไทยแลนด์ 4.0

ปตท.รุกขับเคลื่อน 'ดิจิตอลเวิร์คเพลส' รับไทยแลนด์ 4.0

ปตท.รุกขับเคลื่อนสู่องค์กรแห่งความก้าวล้ำด้วย "ดิจิตอลเวิร์คเพลส" รับไทยแลนด์ 4.0

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2561 นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีและวิศวกรรม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน Power of Digital Transformation ณ สำนักงานใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมเปิดเผยว่า ในยุคดิจิตอลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินธุรกิจ จำเป็นต้องปรับวัฒนธรรมองค์กรให้ก้าวสู่ดิจิตอล (Digital Culture) ด้วยการปรับรูปแบบการทำงานขององค์กรให้ก้าวไปในทิศทางที่สอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นโลกาภิวัตน์ในโลกยุคปัจจุบัน ซึ่งจะต้องมีทั้งความเชื่อมโยง สะดวกคล่องตัว ไม่จำกัดเวลาและสถานที่ รวมทั้งตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างรวดเร็ว และสอดรับกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของภาครัฐที่มุ่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี

ปตท. กำลังก้าวสู่ปีที่ 40 โดยปรับรูปแบบการทำงานให้มีความทันสมัย ตอบสนองต่อกระแสธุรกิจยุคใหม่ยิ่งขึ้น ด้วยการนำแนวคิดและเทคโนโลยีดิจิตอลเข้ามาพัฒนาองค์กร (Digital Transformation) ผ่าน Internet of Things หรือ IoT เมื่ออุปกรณ์เชื่อมโยง ทำให้สามารถสั่งการควบคุมการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต จะทำให้ ปตท. เป็นองค์กรต้นแบบแห่งนวัตกรรมผ่านการสื่อสารภายในองค์กรที่เป็นดิจิตอล ส่งผลให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ วัดผลได้อย่างชัดเจน ตอบโจทย์การทำงานของคนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ ยังช่วยให้เกิดการทำงานร่วมกัน เพิ่มความสัมพันธ์ของพนักงานในองค์กรได้อย่าง ไร้พรมแดน โดยนำเครื่องมือและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการพัฒนาองค์กรไปสู่องค์กรแห่งความก้าวล้ำด้านดิจิตอล อาทิ OneDrive, PowerBI, KOOLS Keeper, SkillLane, Chatbot แจ้งซ่อม รวมถึง Workplace by Facebook ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการทำงานร่วมกันรูปแบบใหม่ที่เชื่อมต่อพนักงานทุกคนในองค์กร ผ่านการสนทนาด้วยเสียงและวิดีโอคอล สนทนาเป็นกลุ่ม และการฟีดข่าวถึงกัน

“ปตท. พร้อมขับเคลื่อนเชิงรุกสู่ยุคดิจิตอล เดินหน้าสู่การเป็นองค์กรต้นแบบที่ส่งเสริมการทำงานแบบดิจิตอลเวิร์คเพลสอย่างเต็มรูปแบบ เป็นทางเลือกในการทำงานรูปแบบใหม่ที่อาศัยเครื่องมือทางดิจิตอลในการเชื่อมต่อสื่อสารและทำงานร่วมกันได้สะดวกขึ้น รับรู้สถานะการทำงานได้แบบเรียลไทม์ สามารถเชื่อมต่อกับเพื่อนร่วมงานและข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลาจากทุกอุปกรณ์ นับเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการทำงานขององค์กรในยุคปัจจุบันให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับการแข่งขันในภาคธุรกิจในอนาคตได้เป็นอย่างดี ตอกย้ำการเป็น PTT Digital Culture หรือวัฒนธรรมแห่งความเป็นดิจิตอลอย่างแท้จริง” นายชาญศิลป์ กล่าว