'พรเพชร' เผยว่าที่กกต.ทั้ง 5 คนต้องลาออกจากงานประจำก่อน 26 ก.ค.

'พรเพชร' เผยว่าที่กกต.ทั้ง 5 คนต้องลาออกจากงานประจำก่อน 26 ก.ค.

"พรเพชร" เผยว่าที่กกต.ทั้ง 5 คนต้องลาออกจากงานประจำก่อน 26 ก.ค. ก่อนเลือกประธานกกต.และนำขึ้นทูลเกล้าฯ เตรียมสรรหาต่ออีก 2 คน

เมื่อวันที่ 12 ก.ค.61 ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงว่า ที่ประชุมสนช.ได้มีมติให้ความเห็นชอบให้ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จำนวน 5 คนแล้ว ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกกต.พ.ศ.2560 ทั้ง 5 คนจะต้องลาออกจากตำแหน่งต่างๆภายใน 15 วันนับแต่วันที่สนช.ให้ความเห็นชอบ ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 26 ก.ค.

ทั้งนี้ ภายหลังพ้นวันที่ 26 ก.ค.ไปแล้ว หากบุคคลทั้ง 5 คน ได้ดำเนินการลาออกจากตำแหน่งต่างๆตามกฎหมายกกต. สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจะดำเนินการให้ผู้ที่ผ่านความเห็นชอบจากสนช.ดังกล่าวประชุมร่วมกันเพื่อเลือกประธานกกต.จำนวน 1 คน ก่อนจะนำรายชื่อทั้ง 5 คนขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป เนื่องจากแม้สนช.จะไม่ได้ให้ความเห็นชอบกกต.ครบทั้ง 7 คน แต่กฎหมายกกต.กำหนดให้ผู้ที่ผ่านความเห็นชอบเป็นกกต.จำนวน 5 คนก็สามารถทำหน้าที่และเป็นองค์ประชุมได้

อย่างไรก็ตาม ถ้ามีบุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่ได้ลาออกจากตำแหน่งต่างๆตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกกต.กำหนด จะมีผลให้ผู้ที่ผ่านความเห็นชอบจากสนช.ที่เหลือไม่สามารถเป็นองค์ประชุมเพื่อเลือกประธานกกต.ได้ เพราะจะเหลือองค์ประชุมแค่ 4 คน ซึ่งไม่สามารถทำหน้าที่เลือกประธานกกต.และไม่อาจนำรายชื่อดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯได้ เพียงแต่บุคคลที่ได้ลาออกจากตำแหน่งต่างๆครบแล้วนั้นยังคงมีสถานะเป็นผู้ได้รับความเห็นชอบจากสนช.ตามเดิมต่อไป ทั้งนี้ หากมีการโปรดเกล้าฯกกต.ชุดใหม่แล้ว กกต.ชุดปัจจบันจะพ้นจากตำแหน่งทันที

ส่วนการสรรหากกต.อีก 2 คนนั้นจะทำหนังสือถึงประธานศาลฎีกาในฐานประธานกรรมการสรรหา เพื่อประชุมคณะกรรมการสรรหาอีกครั้ง ซึ่งกระบวนการสรรหาใหม่จะต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 90 วัน อย่างไรก็ตาม ในที่นี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าการสรรหากกต.ใหม่อีก 2 คน จะใช้กระบวนการเชิญบุคคลที่มีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญเข้ามารับการสรรหาตามมาตรา 12 ของกฎหมายกกต.หรือไม่ เพราะต้องรอให้มีการประชุมคณะกรรมการสรรหาก่อน

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวไม่สามารถบอกได้ว่าทำไมผู้ผ่านการสรรหาจำนวน 2 คน ถึงไม่ได้รับความเห็นชอบจากสนช. เนื่องจากตนเองในฐานะหนึ่งในกรรมการสรรหา ก็ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมลับของสนช.ที่พิจารณาเรื่องดังกล่าว