บัญชีนวัตกรรมไทย กลไกรุกตลาดภาครัฐ

บัญชีนวัตกรรมไทย กลไกรุกตลาดภาครัฐ

รถตรวจการอเนกประสงค์ เครื่องสีข้าวขนาดเล็กและเชื้อเพลิง/ปุ๋ยจากขยะอินทรีย์ เป็นตัวอย่างจาก 197 ชิ้นงานที่ขึ้นทะเบียนในขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย เสมือนใบผ่านทางเข้าสู่ตลาดภาครัฐผ่านการจัดซื้อจัดจ้างแบบพิเศษ

หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานราชการสนับสนุนนวัตกรรมไทยด้วยการจัดซื้อจัดจ้างไม่ต่ำกว่า 30% ต่อปี หวังลดการนำเข้าสินค้าเทคโนโลยี

ทั้งนี้“บัญชีนวัตกรรมไทย” เกิดขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล มุ่งส่งเสริมให้คนไทยใช้สินค้าไทยที่มีคุณภาพเทียบเคียงต่างประเทศโดยให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวทช.) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบการขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย อีกทั้งกำหนดให้ภาครัฐจัดซื้อสินค้าหรือบริการที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทยตั้งแต่ 10-30% ของงบประมาณที่ได้รับสำหรับจัดซื้อหรือจัดหาสินค้าหรือบริการนั้นๆ โดยวิธีกรณีพิเศษ และให้ขึ้นทะเบียนเป็นเวลาสูงสุด 8 ปีกรณีไม่เคยจัดซื้อจัดจ้างกับหน่วยงานภาครัฐ หรืออย่างน้อย 3 ปีหากเคยจัดซื้อจัดจ้างมาแล้ว เพื่อให้เอกชนไทยมีตลาดรองรับและเริ่มแข่งขันได้

สำหรับกรณีนวัตกรรมไทยที่ผลิตโดยหน่วยงานรัฐ อาจผ่านหรือยังไม่ผ่านการทดสอบมาตรฐาน หรือยังไม่มีภาคเอกชนรับไปผลิต ให้ขึ้นเป็นบัญชีสิ่งประดิษฐ์ไทย เพื่อสนับสนุนให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ โดยหน่วยงานรัฐที่เป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีนั้นๆ สามารถยื่นเสนอของบประมาณภายใต้โครงการส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรมโดยการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ของสำนักงบประมาณได้

เอื้อวิจัยลงหิ้ง

รถตรวจการณ์อเนกประสงค์และรถยนต์ที่ใช้ในภารกิจทางการทหาร TR Transformer II พัฒนาโดยบริษัท ไทยอัลติเมทคาร์ จำกัดในกลุ่มบริษัทไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ หลังจากมองเห็นว่ายังไม่มีผู้ผลิตในประเทศที่สามารถผลิตได้คุณภาพตามมาตรฐานสากล ส่วนใหญ่จึงเป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งราคาแพงและค่าบำรุงรักษาสูง

ศักดิ์ชัย คมกฤส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ไทยอัลติเมทคาร์ กล่าวว่า ทีมวิจัยนำโครงสร้างรถปิกอัพมาพัฒนาออกแบบผลิตตัวถังใหม่ทั้งหมด ใช้หลักการออกแบบและคำนวณทางวิศวกรรมขั้นสูงทางคอมพิวเตอร์ รองรับการใช้งานสมบุกสมบันในพื้นที่ห่างไกลหรือถิ่นทุรกันดาร  ง่ายในการซ่อมแซมและบำรุงรักษา ทั้งยังสามารถดัดแปลงรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งรถยนต์นั่งทั่วไปและรถอเนกประสงค์สำหรับภารกิจทางการทหารและภารกิจพิเศษของหน่วยงานราชการต่างๆ

นวัตกรรมนี้ประกาศขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทยในปี 2559 ก่อนที่จะเดินหน้าสู่ตลาดภาครัฐเต็มขั้น ไม่ว่าจะเป็น กองทัพทั้งสี่เหล่า ตำรวจคอมมานโด หน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ล้วนใช้ยานยนต์นวัตกรรมไทยทำนี้ เพราะหน่วยงานภาครัฐเชื่อมั่นในตัวบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา ในขณะเดียวกันบัญชีนวัตกรรมไทยก็เข้ามาเสริมความเชื่อมั่น และทำให้สามารถต่อยอดสู่ตลาดต่างประเทศอย่างมาเลเซียและศรีลังกา

“หากไม่มีบัญชีนวัตกรรมไทย เราก็ยังสามารถเข้าถึงตลาดภาครัฐได้แต่ต้องแข่งขันกับผู้ประกอบรายอื่นๆ ซึ่งรวมถึงต่างประเทศด้วย แต่บัญชีนวัตกรรมทำให้ไม่ต้องแข่งกับรายอื่นๆ จึงเป็นโอกาสสำหรับสินค้านวัตกรรมไทยที่จะไปสู่เชิงพาณิชย์อย่างแท้จริง” ศักดิ์ชัย กล่าว

รายเล็กก็ขายได้

สมชัย เทพศิลป์วิสุทธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นาทวี เทคโนโลยี่ จำกัด เจ้าของผลงานเครื่องสีข้าวขาวและข้าวกล้อง และเครื่องสีข้าวขาว ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทย กล่าวว่า เดิมทีเครื่องสีข้าวมักอยู่ในโรงสีขนาดใหญ่ อุปกรณ์ซับซ้อนและราคาสูง จึงสนใจพัฒนาย่อขนาดให้กลายเป็นเครื่อสีข้าวขนาดเล็ก 200-230 กิโลกรัมข้าวเปลือกต่อชั่วโมง โดยใช้ลูกกลิ้งยางและแกนสแตนเลสที่ทำให้การสีข้าวทำได้เร็วขึ้น ในราคาที่จับต้องได้และสามารถขจัดกากหินที่ปนมากับข้าวที่สีแล้ว ได้ยื่นจดอนุสิทธิบัตรและผ่านการรับรองจากสถาบันวิจัยเกษตรวิศวกรรมของกรมวิชาการเกษตร

“จากนั้นก็ยื่นเรื่องขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทย โดยใช้เวลาเกือบ 1 ปีขึ้นอยู่กับความพร้อมของผู้ประกอบการ และการพิจารณาที่ต้องใช้เวลา ดังนั้น การเริ่มด้วยการจดสิทธิบัตร อนุสิทธิบัตรหรือมีการรับรองมาตรฐานต่างๆ จะทำให้การพิจารณาง่ายขึ้น”

นวัตกรรายเล็ก กล่าวว่า บัญชีนวัตกรรมไทยทำให้ผู้ประกอบการสินค้านวัตกรรมที่มีมาตรฐานและประสิทธิภาพสามารถเข้าถึงตลาดรัฐได้ จากเดิมที่ต้องไปประกวดราคา ประมูล ที่แม้หน่วยงานนั้นๆ สนใจเครื่องสีข้าวของบริษัทแต่ก็ไม่สามารถชนะการประมูลได้ เพราะระบบจะเลือกจากราคาถูกที่สุด แม้คุณภาพจะไม่ได้ตามที่ต้องการก็ตาม