AH - ซื้อ

AH - ซื้อ

Fast mover!

เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อ AH หลังจากที่เข้าร่วมประชุมกับผู้บริหารในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในระยะสั้น ราคาหุ้น AH จะถูกหนุนโดยกำไรหลักไตรมาส 2/61 ที่มีแนวโน้มจะเติบโตแรง YoY นอกจากนี้การร่วมลงทุน ในประเทศเวียดนามหากประสบความสำเร็จ จะช่วยหนุนการเติบโตในระยะยาวของบริษัท ปัจจุบัน AH ซื้อขายที่ PER ปี2561 ที่ 9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 12 เท่าอยู่มาก เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2561 ที่ 45.5 บาท

คาดกำไรหลักไตรมาส 2/61 แข็งแกร่ง

เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/61 จะลดลง 27% YoY มาอยู่ที่ 229 ล้านบาท เนื่องจากมีฐานสูงในไตรมาส 2/60 (บันทึกกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุน) อย่างไรก็ตามเราประเมินว่ากำไรหลักปี 2561 จะเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม โดยยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือนเม.ย.-พ.ค. ที่เพิ่มขึ้น 27% YoY เป็นประโยชน์โดยตรงต่อธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์และตัวแทนจาหน่ายรถยนต์ เราคาดยอดขายไตรมาส 2/61 สูงขึ้น 6% YoY มาอยู่ที่ 3.86 พันล้านบาท ขณะที่เราประเมินว่าประสิทธิภาพการผลิตจะหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวจาก 6.3% ในไตรมาส 2/60 เป็น 6.4% ในไตรมาส 2/61  นอกเหนือจากนี้ ดอกเบี้ยรับจำนวน 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐต่อไตรมาสและส่วนแบ่งกำไรจาก SGAH จะหนุนให้กำไรหลักไตรมาส 2/61กระโดดสูงขึ้น 36% YoY มาอยู่ที่ 229 ล้านบาท (แต่ลดลง 42% QoQตามปัจจัยทางฤดูกาล)

กระบวนการผลิตที่ดีขึ้นหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นขยายตัว

AH ตั้งเป้าจะเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นสำหรับธุรกิจผลิตรถยนต์โดยการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ให้อัตรากำไรสูงขึ้น เช่น axle shaft บริษัทมีโปรแกรมลดต้นทุนโดยปรับปรุงการผลิตสินค้าเพื่อลดเศษซาก นอกเหนือจากนี้ AH ได้ใช้ระบบออโตเมติกในการผลิต ปัจจุบันบริษัทมีหุ่นยนต์ 400-500 ตัวในกระบวนการผลิตและมีแผนจะเพิ่มจำนวนหุ่นยนต์ในทั้ง 3 โรงงาน เราประเมินว่าอัตรากาไรขั้นต้นจะขยายตัวจาก 6.3% ในปี 2560 มาอยู่ที่ 6.7% ในปี 2561 และ 7% ในปี 2562

ฐานผลิตใหม่ในประเทศเวียดนาม

AH ได้เซ็นต์ MOU กับ VINFAST ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ VINGROUP เพื่อตั้งบริษัทร่วมทุน (AH จะถือหุ้น 51% และ VINFAST ถือหุ้น 49%) งบลงทุนอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท โดยจะเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนโลหะปั๊มขึ้นรูปและประกอบตัวถังรถยนต์  สำหรับ 2 โมเดลแรก – รถเก๋งซีดาน และ SUV – ของพาหนะ VINFAST โดย AH จะส่ง ชิ้นส่วนต้นแบบให้ VINFAST ในเดือนต.ค. 2561 และตั้งเป้าจะเริ่มผลิตชิ้นส่วนในไตรมาส 3/62

เรามองว่าตลาดรถยนต์ในเวียดนามยังเติบโตได้อีกมากเนื่องจากชนชั้นกลางเพิ่มขึ้น การร่วมทุนครั้งนี้จะส่งผลประโยชน์ต่อ AH ในด้านการบุกตลาดเวียดนามและโอกาสในการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ให้กับผู้ผลิตรายอื่นๆในประเทศดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การร่วมทุนนี้ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ดังนั้นเราจึงให้ปัจจัยนี้เป็นอัพไซด์ต่อประมาณการในระยะยาว