รีบาวด์ตามเพื่อนบ้าน

รีบาวด์ตามเพื่อนบ้าน

SET Index วานนีฟื้นตัวแรงหลังจากอ่อนตัวช่วงเช้า หลังจากที่ได้สะท้อนความกังวลจากสงครามการค้าไปแล้วบางส่วน

ท่ามกลางตลาดหุ้นภูมิภาคที่เป็นบวกสลับลบ หนุนโดยกลุ่ม ICT จากการเริ่มเปิดให้เข้ารับซองรายละเอียดการประมูล (TRUE บวกมากสุดจากแรงเก็งกำไร 2Q61ที่มีรายการพิเศษ) ตามมาด้วย COMM  BANK FOOD PROP ขณะที่ราคาน้ำมันอ่อนตัวกดดัน ENERG มาหักล้างบางส่วน ทำให้ SET Index ปิดที่ 1,614.76 จุด (+13.34 จุด) Volume 6.55 หมื่นลบ. มาจาก Foreign Net -1,706.17 ลบ. TFEX Net -2,316 สัญญา ตราสารหนี้ -593.02 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย  

+ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นขานรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้คาดว่า เฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย หลังจากตัวเลขค่าจ้างต่อชั่วโมงขยายตัวต่ำกว่าคาด

+น้ำมันดิบดีดตัวขึ้น เนื่องจากแรงซื้อเก็งกำไร แม้ว่า"เบเกอร์ ฮิวจ์"เผยแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้น 5 แท่น

+การจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 213,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.0%

+ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลง 6.6% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปีครึ่งในเดือนพ.ค. หลังการส่งออกพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์

+"สมคิด"ลุ้น GDP ปีนี้โตสูงกว่าเป้า 4.5% ของคลัง,เชื่อ กนง.ดูแลช่องว่างดอกเบี้ยไทย-ตปท.ให้เหมาะสม

-สหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน เพื่อตอบโต้การลักลอบใช้ทรัพย์สินทางปัญญาและเทคโนโลยี ส่วนจีนก็จัดเก็บภาษีสินค้าสหรัฐเพื่อตอบโต้ด้วยเช่นกัน

-รัสเซียเล็งเก็บภาษีสินค้าสหรัฐวงเงิน 87.6 ล้านดอลลาร์ ตอบโต้สหรัฐเก็บภาษีเหล็ก,อลูมิเนียม

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 1.90 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท 33.13 บาท/US

คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้รีบาวด์ได้ตามตลาดเพื่อนบ้านหลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกตรของสหรัฐปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง ขณะที่ยอดขาดดุลของสหรัฐปรับตัวลงต่ำสุดในรอบ 1 ปี นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่หยุดอ่อนค่างเป็นสัญญาณว่า fund flow ชะลอการไหลออก คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,605-1,629 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- BANPU ราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 12 วันทำการสู่ 116.1$/Ton +8%

- CPALL ROBINS HMPRO BEM ครม.คง VAT ที่ 7% อีก 1 ปี

- หุ้น Beta <0.5 Dividend > 5% DIF DRT MC LH GLOW

- หุ้น Beta <1.0 Dividend > 3.8% TCAP SCB KTB SAT

- KCE CPF GFPT กลุ่มส่งออก ค่าเงินบาทอ่อนค่าสู่ 33.13 บาท/US

- ราคากากถั่วเหลืองล่าสุดปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.8% เป็นบวกต่อ TVO (Div. 7%)

หุ้นแนะนำพิเศษ

SAMART Company visit : มุมมองบวกจาก Turnaround

  • SAMART มีสถานะเป็น Holding Company ดำเนินงาน 5 สายธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจ Digital โดย SDC (ชื่อเดิม SIM) ธุรกิจ ICT Solution and Services โดย SAMTEL ธุรกิจ Contact Content โดย OTO และธุรกิจที่ยังไม่ได้จดทะเบียนในตลท. ได้แก่ ธุรกิจ Utilities and Transportations ในการควบคุมจราจรทางอากาศในกัมพูชาโดย CATS และธุรกิจ technology related services โดย บจ.วิชั่น แอนด์ ซิเคียวริตี้ ซิสเต็มดำเนินธุรกิจด้านระบบรักษาความปลอดภัย รวมถึงการติดตั้งกล้องวงจรปิดคุณภาพสูง
  • ปี 60 มีรายได้รวม 1.31 หมื่นลบ. -5% ขาดทุน 948 ลบ.สาเหตุหลักจากขาดทุนในธุรกิจ Digital ที่เดิมเน้นจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ปรับมาสู่ธุรกิจ Digital เต็มรูปแบบทำให้มีตั้งสำรองหนี้สูญและตั้งค่าเผื่อสินค้าล้าสมัยจากการยุติประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่วน 1Q61 มีรายได้รวม 1,424 ลบ.ลดลงเล็กน้อย กำไร 14 ลบ. -160%
  • ความเห็น แนวโน้มผลการดำเนินงานมีโอกาสพลิกฟื้นเนื่องจากไม่มีคชจ.สำรองหนี้สูญเช่นในปีที่แล้ว และบริษัทมีโอกาสรับงานด้านดิจิตอลตามนโยบาย Thailand 0 และการเร่งรัดงานงบประมาณภาครัฐ ล่าสุดมีข่าวรับ 2 งานได้แก่งานนำสายไฟฟ้าใต้ดินของ กฟน. มูลค่า 2,226.80 ล้านบาท และงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูง 115 kV ลำภูราของกฟผ.มูลค่า 268.18 ล้านบาท แนะนำซื้อเก็งกำไร

ส่องหุ้น

  • TITLE แนวรับ 75  บาท  แนวต้าน 7.00 , 7.40 บาทระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาปิดได้ในระดับสูงสุดของวันอีกทั้งยังปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันได้อีกด้วย พร้อมปริมาณวอลุ่มซื้อขายที่ทรงๆ ตัว มีโอกาสที่วันนี้ระดับราคาจะปรับตัวขึ้นต่อผ่านเส้น BollingerTop และจุดสูงสุดเดิมในรอบสัปดาห์ที่ 7.00 บาท ขึ้นทำ New high แถวๆ 7.40 บาทได้ต่อไป ในขณะที่เส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันจะทำหน้าที่เป็นแนวรับที่ 6.75 บาท ไม่ต่ำกว่านี้ยังซื้อเพิ่มได้
  • ZIGA แนวรับ 84-2.82 บาท  แนวต้าน 2.96 , 3.04-3.10 บาท ระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาปิดได้ในระดับสูงสุดของวัน โดยเป็นการขยับขึ้นปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 , 10 และ 25 วัน พร้อมปริมาณวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ MACD กำลังมีลุ้นผ่านขึ้นยืนเหนือศูนย์อีกด้วย หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันแถวๆ 2.84-2.82 บาทซะก่อน ระดับราคาน่าจะได้ลุ้นขึ้นต่อแถวๆ 2.96 บาท และ 3.04-3.10 บาทต่อไป

หุ้นมีข่าว   

·       + ผู้ถือหุ้น KTC มีมติเอกฉันท์อนุมัติแตกพาร์เป็น 1 บ. จากเดิม 10 บ.

·       + NWR ได้งานใหม่ 2 โครงการในเดือน พ.ค.รวมมูลค่า 226.30 ลบ.

·       + U จับมือกลุ่มแสนสิริ เตรียมเซ็นสัญญากรมธนารักษ์ เดินหน้าโครงการบูติก โฮเต็ล 70 ห้อง บริเวณโรงภาษีร้อยชักสาม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มูลค่า 1.2 พันล้าน (ที่มาข่าวหุ้น)   

·       + “PF-GRAND” จับมือ “ซูมิโตโม ฟอเรสทรี” ตั้งบริษัทร่วมทุน “แกรนด์ ริเวอร์ ฟอเรสท์” ลุยพัฒนาคอนโดมิเนียมไฮเอนด์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บนพื้นที่กว่า 8 ไร่ มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท หวังเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ริมแม่น้ำฝั่งเจริญนคร (ที่มา ข่าวหุ้น) **บล.โกลเบล็กมีส่วนได้เสียในการเป็นผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ของ PF    

·       - TASCO แจ้งเหตุไฟไหม้ถังเก็บน้ำมันดิบของ KBC ในมาเลเซีย ยันทำประกันครอบคลุม ระบุบริษัทประกันภัยอยู่ระหว่างการประเมินมูลค่าความเสียหาย(ที่มาข่าวหุ้น)

·       - TU ไตรมาส 2 ส่อพลิกขาดทุน 235 ล้านบาท เจอตั้งสำรองค่าใช้จ่ายยอมความลูกค้าธุรกิจค้าปลีกในอเมริกากดดัน 30-50 ล้านเหรียญสหรัฐ(ที่มาข่าวหุ้น)

·       (+/-) GJS company visit (ราคาปิด 0.31 บาท) ภายหลังจากการปรับปรุงไลน์การผลิต แปลงหนี้เป็นทุน (3Q60) GJS มีปริมาณผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อน (HRC) งวด 1Q61 เพิ่มขึ้นกว่า 110% YoY อยู่ที่ระดับ 3.8 แสนตัน

·       ส่วนงวด 2Q61 มีแนวโน้มที่ปริมาณผลิตอ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่อาจได้แรงหนุนบางส่วนจากการที่ GJS ไม่มี Annually shutdown เหมือนที่มีใน ม.ค. 61 แต่คาดว่า 3Q61 - 4Q61 น่าจะมีการผลิตที่เติบโตต่อได้จากการทยอยเพิ่มขึ้นของประสิทธิภาพ และการเข้าสู่ช่วง High season อีกครั้ง

·       ความเห็น แม้ภาวะอุตฯเหล็กที่มีความต้องการเหล็กเพิ่มมากขึ้น ในช่วง 3 ปีข้างหน้า (คาดการณ์โดย ISIT) เป็นบวกต่อผู้ประกอบการเหล็กในประเทศ แต่ยังคงต้องติดตามการ Ramp up capacity ของ GJS ตลอดช่วงที่เหลือของปีนี้ ว่าจะสามารถกลับมาผลิตได้เต็มกำลังในงวดใด แม้ราคาปัจจุบันอาจสะท้อน downside จำกัด หลังลงไปต่ำกว่าราคาหุ้น PP ที่ 0.34 บาทจากการแปลงหนี้ โดยรวมแนะนำติดตามอย่างใกล้ชิด

·       BCP แจ้งปรับเพิ่มสัดส่วน Pre-emptive Offering จัดสรรหุ้น IPO ของ BBGI จาก 20% เป็น 25%