ก.คุ้มครองสิทธิฯ-สมาคมป้องกันการทรมาน ร่วมมือป้องกันการกระทำทรมานจากเจ้าหน้าที่รัฐ ชี้หลัก 3 ข้อเข้าข่ายทรมาน ทำให้บาดเจ็บรุนแรง-เจตนา-วัตถุประสงค์ให้ได้มาซึ่งคำรับสารภาพ
น.ส.ปิติกาญจน์ สิทธิเดช อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม และน.ส.ชาซีรา ซาวาวี (Ms. Shazeera Zawawi) ผู้แทนสมาคมป้องกันการทรมาน หรือ Association for the Prevention of Torture (APT) ลงนามความร่วมมือในการดำเนินการป้องกันการทรมาน เพื่อร่วมกันสร้างความตระหนักรู้ และการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพให้ผู้มีส่วนได้เสีย การให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคในการจัดทำคู่มือป้องกันการทรมาน รวมทั้ง การจัดกิจกรรม การฝึกอบรมนำร่อง หรือการสัมมนาเกี่ยวกับคู่มือป้องกันการทรมาน โดยบันทึกความเข้าใจดังกล่าวมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 3 ปี และอาจขยายได้โดยความตกลงของทั้งสองฝ่าย
ด้านผู้แทนAPT. กล่าวว่า การกระทำทรมานเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งกระทำต่อประชาชนที่ไม่มีอำนาจต่อรอง โดยการทรมานแตกต่างจากการทำให้ได้รับบาดเจ็บทั่วไป. ในแต่ละประเทศจึงต้องมีกฎหมายป้องกันไม่ให้เกิดการทรมาน. ซึ่งประเทศไทยใช้กฎหมายอาญาเป็นสิ่งควบคุม. ทั้งนี้การทรมานมีองค์ประกอบ. 3. ข้อ ดังนี้. คือ 1 เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บรุนแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจ. 2 เป็นการกระทำโดยเจตนาไม่ใช่ประมาท และ 3 มีวัตถุประสงค์เฉพาะเจาะจงให้ได้มาซึ่งคำรับสารภาพ โดยเหยื่ออยู่ในสภาพไร้อำนาจ. ที่ผ่านมา . APT หลีกเลี่ยงที่จะประนามผู้กระทำทรมาน เพราะต้องการแสวงหาความร่วมมือในการป้องกันและแก้ปัญหา แม้ว่าการทำงานของภาครัฐกับภาคประชาสังคมจะมีปัญหากระทบกระทั่งกันแต่ข้อดีคือการมีจุดร่วมที่จะทำงานร่วมกัน
หลังจากนี้ APT จะเข้ามาให้ความเชี่ยวชาญทางเทคนิคทั้งในด้านกฎหมายและการปฏิบัติ รวมถึงคำแนะนำเกี่ยวกับการป้องกันการทรมาน เพื่อลดความเสี่ยงของการทรมานและการปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย. ตลอดจนการยกร่างเนื้อหาในคู่มือป้องกันการทรมาน