ผบ.ทบ.ชี้นำ 'ทีมหมู่ป่า' ดำน้ำออกจากถ้ำ ต้องมั่นใจสำเร็จ100%

ผบ.ทบ.ชี้นำ 'ทีมหมู่ป่า' ดำน้ำออกจากถ้ำ ต้องมั่นใจสำเร็จ100%

ผบ.ทบ. ชี้นำ "ทีมหมู่ป่า" ออกจากถ้ำต้องมั่นใจ 100% ว่าสำเร็จ ยันกำลังพลพร้อม รับการดำน้ำ มีความเสี่ยง เสียใจ "อดีตซีลจิตอาสา" พลีชีพ คาดพักผ่อนน้อย

เมื่อวันที่ 6 ก.ค.61 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.) ว่า ได้เน้นย้ำให้มีการปรับกำลัง ในการช่วยเหลือการปฏิบัติงานใน ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ของทีมหมูป่าอคาเดมี่ ขณะนี้กำลังพลที่ส่งเข้าไปสนับสนุนถือว่าเพียงพอแล้ว ในส่วนของกองทัพบก มีกำลังพลกว่า 1,200 คน แบ่งการปฏิบัติงานเป็น 3 ส่วน คือ 1.ปฏิบัติงานภายในถ้ำหลวง ช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องการลำเรียง ขนย้ายทุกอย่าง ร่วมกับหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (นสร.) 2. สนับสนุนการระบายน้ำ พื้นที่รอบถ้ำ และเบี่ยงทางน้ำ 3.ปฏิบัติงานในพื้นที่บนเขาและยังคงปฏิบัติภารกิจ ร่วมกับกรมป่าไม่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ตนได้สั่งการเพิ่มเติมในเรื่องการพลัดเปลี่ยนกำลังเพื่อหมุนเวียนกำลังพลชุดใหม่เข้าไปทดแทนกำลังพลที่อ่อนล้าจาการทำงาน ส่วนใหญ่เป็นกำลังพลระดับล่างที่ใช้แรงงาน

พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า สำหรับแนวทางการนำเด็กและโค้ช จำนวน 13 คน ออกมาจากถ้ำทางน้ำนั้น ต้องมีสิ่งประกอบหลายๆอย่าง ที่จะทำให้เรามั่นใจ 100 % ว่าจะประสบความสำเร็จ ประกอบด้วย 1.ความพร้อมของเจ้าหน้าที่ ทั้ง หน่วยซีล และหน่วยสนับสนุน ยุทโธปกรณ์ ตนคิดว่ามีความพร้อมพอสมควร อาจจะขาดอุปกรณ์พิเศษบางอย่าง แต่คนพร้อมแล้ว 2.ตัวน้องๆทั้ง13 คน จะต้องพิจารณาใน 3 ส่วนคือ 1.ร่างก่าย ที่จะต้องได้รับการฟื้นฟู ให้แข็งแรงเหมือนเดิม หรือใกล้เคียงของเดิม ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะต้องใช้เวลา 5 ชั่วโมงในการเดินทางออกมา 2.ขีดความสามารถทางน้ำ และการใช้เครื่องมือ ซึ่งจำเป็นต้องเรียนรู้พอสมความ และ 3.ความพร้อมของจิตใจ เพราะการดำน้ำสภาพจิตใจสำคัญที่สุด ต้องนิ่ง และควบคุมสติได้ โดยเฉพาะการดำน้ำในถ้ำที่มีพื้นที่แคบ และมองไม่เห็น ทราบว่าในบางช่วงของการเดินทางทางน้ำน้องๆต้องดูแลตัวเองด้วย 3.สภาวะแวดล้อมแบ่งเป็น 2 ประการ คือปริมาณน้ำ และอากาศ ขณะนี้ทราบว่าหน่วยในพื้นที่พยายามทุกทางเพื่อจะเติมอากาศเข้าไปและลดปริมาณน้ำในถ้ำ

พล.อ.เฉลิมชัย ยังกล่าวถึง กรณีอดีตหน่วยซีลเสียชีวิตขณะปฏิบัติงานว่า การดำน้ำถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตราย การยึดถือกฎนิรภัยเป็นเรื่องสำคัญ แต่ตนไม่ทราบข้อมูลในขณะนั้น ยืนยันได้ว่าทุกคนที่เข้าไปมีความรู้ความสามารถ แต่เราไม่รู้สถานการณ์ในขณะนั้น ว่าอะไรทำให้เกิดความพลาดพลั่ง

“เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ เขาทุ่มเททั้งชีวิต สำหรับการทำงานครั้งนี้ และเป็นเพียงอดีตข้าราชการที่มีจิตอาสาเข้ามาช่วย การทำงานในภารกิจซ้ำๆ คนน้อย พื้นที่ห่างไกล เวลาพักผ่อนน้อย และสภาวะภายในถ้ำ ไม่ได้อยู่สบาย หลับนอนไม่สมบรูณ์ อาจจะส่งผลโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว ผมได้ฝากเน้นย้ำไปยังกำลังพล เพียงแต่บางครั้ง ใจอยากจะช่วย และคิดว่าไหว ต้องเข้าใจอะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด เราทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนความหวังที่จะนำน้องๆออกจากถ้ำโดยเร็วที่สุดนั้น เชื่อว่าจะทำได้ ทุกภาคส่วนช่วยเหลือกันเต็มที่ ถือเป็นสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม” พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวและว่า

ขณะนี้ เป็นเรื่องที่ตอบอยาก ว่าควรนำเด็กและโค้ช ออกทางน้ำ หรือทางโผล่งถ้ำ เพราะทั้ง 2 ทางมีทั้งข้อดีและข้อเสีย การเข้าทางโพล่งถ้ำ ถ้าเราทำได้เป็นเรื่องที่ดี แต่ดูจากพื้นฐานก็อยากพอสมควร ทั้งความลึก และเครื่องมือที่จะต้องทำในเวลาจำกัด ส่วนการออกทางน้ำก็จะมีสิ่งที่ต้องคำนึ่งถึงมากมาย อย่างไรก็ตาม ให้หน้างานเป็นผู้ตัดสินใจ