ปภ.แนะวิธีขับรถปลอดภัยช่วงเวลากลางคืน

ปภ.แนะวิธีขับรถปลอดภัยช่วงเวลากลางคืน

ปภ.แนะผู้ขับขี่รู้หลักขับรถกลางคืนปลอดภัย ลดเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนน

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า การขับรถในช่วงเวลากลางคืน มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูง เนื่องจากความมืดทำให้ผู้ขับขี่มีขอบเขตในการมองเห็นเส้นทางจำกัด ประกอบกับความง่วง และความอ่อนล้าของผู้ขับขี่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้ เพื่อความปลอดภัย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะข้อควรปฏิบัติในการขับรถช่วงเวลากลางคืนอย่างปลอดภัย ดังนี้ การใช้สัญญาณไฟ เปิดใช้สัญญาณไฟให้เหมาะสมกับสภาพเส้นทาง หากเส้นทางมืดมาก ให้เปิดไฟสูงเป็นระยะ จะช่วยให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น และเปลี่ยนเป็นไฟต่ำเมื่อมีรถวิ่งสวนทางมา การเว้นระยะห่าง เว้นระยะห่างจากรถคันอื่นให้มากกว่าปกติ

เนื่องจากทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ชัดเจน อาจส่งผลให้การกะระยะห่างผิดพลาด ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ การขับรถ หมั่นสังเกตป้ายต่างๆ บนเส้นทาง อาทิ ป้ายเตือน ป้ายบอกทาง พร้อมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงเพิ่มความระมัดระวังเมื่อขับรถผ่านจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ อาทิ ทางโค้ง ทางแยก ทางขึ้น – ลงสะพาน ทางลาดชัน จุดกลับรถ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ การใช้สายตา มองให้กว้างและไกลที่สุด โดยกวาดสายตามองให้รอบด้าน พร้อมหมั่นสังเกตจุดสำคัญบนเส้นทาง หลีกเลี่ยงการมองแสงไฟของรถคันอื่น เพราะทำให้สายตาพร่ามัว ให้มองเส้นทางข้างหน้า หรือเส้นแบ่ง ช่องจราจรเป็นหลัก รวมถึงไม่ใช้สายตาจ้องจุดเดียวเป็นเวลานาน ควรใช้สายตากวาดมองเส้นทางจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง จะช่วยป้องกันการหลับใน การใช้ความเร็ว ขับรถให้ช้ากว่าปกติ

โดยใช้ความเร็วตามป้ายจำกัดความเร็ว สัมพันธ์กับสภาพการจราจร และระยะที่แสงไฟหน้าส่องถึง หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้แก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที รวมถึงไม่เร่งความเร็ว เพื่อขับแซงบริเวณจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ อาทิ ทางโค้ง ทางขึ้น – ลงสะพาน เพราะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ การใช้ช่องทาง ขับรถในช่องทางด้านซ้าย จะช่วยป้องกันแสงไฟของรถที่ขับสวนทางมาส่องตา และใช้ช่องทางด้านขวากรณีขับแซง พร้อมกลับเข้าช่องทางเมื่อรถอยู่ในระยะที่ปลอดภัย ทั้งนี้ ผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยงการขับรถในช่วงกลางคืน เพราะสายตาไม่สามารถปรับสภาพ ให้มองเห็นเส้นทางได้ชัดเจน จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ