GOLD - ซื้อ

GOLD - ซื้อ

โกลเด้นแลนด์ ดินแดนมหัศจรรย์!

จากการประชุมกับผู้บริหารในสัปดาห์ที่แล้ว กองทุนในประเทศและนักลงทุนประทับใจที่ผลประกอบการของบริษัทพลิกจากขาดทุนเมื่อปี 2556 มาเป็นกำไรเติบโตแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มในปีนี้ โดยGOLD เพิ่งอยู่ในระยะเริ่มต้นของการเติบโต และบริษัทตั้งเป้าว่าจะขึ้นเป็น 1 ใน 5 ผู้พัฒนาอสังหาฯ ประเภทที่อยู่อาศัยที่มีรายได้มากที่สุดภายในปี 2563 ปัจจุบันหุ้นซื้อขายที่ราคาไม่แพง PER ปี 2561 อยู่ที่ 13.3 เท่า (PER ของกลุ่มอสังหาฯ เพื่อขาย อยู่ที่ 10.2 เท่า) ต่ำกว่า ค่าเฉลี่ยระหว่างปี 2557-2560 อยู่ 26%

บ้านเดี่ยว

โครงการที่อยู่อาศัยฯทาวน์เฮาส์ (คิดเป็น 60% ของมูลค่าพอร์ตโฟลิโอบริษัท) ของ GOLD ถือว่าประสบความสาเร็จจากที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราการจองทาวน์เฮาส์ (take-up rate) สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มฯ มาก (อยู่ที่ 47% ในเดือนต.ค.-ธ.ค. 2560 เทียบกับกลุ่มฯ ที่ 21% และอยู่ที่ 41% ในเดือนม.ค.-มี.ค. 2561 เทียบกับกลุ่มฯ ที่ 24%) และโครงการทาวน์เฮาส์ที่เพิ่งเปิดตัวในไตรมาสเดือนเม.ย.-มิ.ย. 2561 โกลเด้นทาวน์ ศรีนครินทร์-สุขุมวิท ก็มีการเสียงตอบรับดีเช่นเคยโดย มียอดจองซื้อสูงถึง 41% นอกจากนี้บริษัทไม่เพียงแต่ได้รับเสียงตอบรับดีในโครงการทาวน์เฮาส์เท่านั้น โครงการบ้านเดี่ยวของบริษัท (คิดเป็น 40% ของมูลค่าพอร์ตโฟลิโอรวม) เริ่มได้รับความนิยมในตลาดเช่นกัน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปรับปรุงยูนิตที่ยังเหลือขายภายใต้แบรนด์ เดอะ แกรนด์ (โครงการบ้านเดี่ยวระดับบน) ซึ่งเริ่มปรับปรุงในปี 2559 หนุนให้ยอดขายปรับตัวดีขึ้น (โครงการ เดอะ แกรนด์ เป็นโครงการของ บริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดินซึ่ง GOLD ได้เข้าไปซื้อกิจการเมื่อปลายปี 2557 และมียอดขายต่าก่อนที่จะเริ่มมีการปรับปรุงในปี 2559) นอกเหนือจากนี้ โครงการอื่นๆก็ได้รับเสียงตอบรับดีเช่นกัน โดยโครงการ โกลเด้น นีโอ บางแค ขายหมดในวันเปิดตัวโครงการ (23-24 มิ.ย. 2561) โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้จากโครงการบ้านเดี่ยวเติบโต 89% YoY มาอยู่ที่ 6.4 พันล้านบาทในปี 2561 (คิดเป็น 40%ของเป้าหมายรายได้จากธุรกิจที่อยู่อาศัยของปี 2561 ของบริษัท)

แนวโน้มการเติบโตน่าตื่นเต้น

GOLD มั่นใจว่าจะมีรายได้เติบโตราว 20-30% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าหลังจากที่คาดรายได้เติบโตก้าวกระโดด 67% ในปี 2561 โดยบริษัทยังมุ่งเน้นโครงการแนวราบ และใช้กลยุทธ์การขยายธุรกิจด้วย 1) เพิ่มจำนวนโครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 2) สร้างโครงการให้ครอบคลุมทุกระดับราคา และ 3) เปิดตัวโครงการในต่างจังหวัดที่มีกำลังซื้อสูง เช่น อยุธยา ชลบุรี และนครราชสีมา GOLD มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและคุ้มค้าต่อราคา ทำให้บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันและการทำกำไรมากกว่าในอดีต โดยเราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2561 ของ GOLD เติบโตถึง 75%

เสริมรายได้ให้มั่นคงจากธุรกิจ Recurring

GOLD ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ recurring จะคิดเป็นราว 30% ของรายได้รวมในระยะยาว (ปัจจุบันอยู่ที่12%) โดย ณ ปัจจุบันอัตราการเช่า FYI Center เพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 70% ในปี 2560 เป็น 85% ในปี 2561 และสำหรับการก่อสร้างโครงการ mixed-use แห่งใหม่ (แบ่งเป็น 3 ส่วนได้แก่ออฟฟิศ, ร้านค้าปลีก, และที่อยู่อาศัยเพื่อขาย) สามย่าน มิตรทาวน์ ที่ตั้งอยู่บนถนนพญาไทดำเนินไปได้ดีตามแผน และคาดว่าจะเปิดตัวเต็มรูปแบบในเดือนต.ค. 2562 (สำหรับอาคารสำนักงานคาดว่าจะเปิดได้ก่อนในเดือนก.ค. 2562) โดยในส่วนของพื้นที่ร้านค้าปลีกนั้นนอกจากบริษัทจะรวมเอาร้านอาหารและร้านค้าต่างๆเข้ามาแล้ว บริษัทยังมีแผนที่จะทำเป็น ศูนย์กลางการเรียนรู้ (Learning Center; co-working space, ห้องสาหรับเวิร์คช็อปและสัมนา เป็นต้น) ซึ่งจะทำให้มีผู้ไปใช้บริการเพิ่มขึ้นเนื่องจากโครงการตั้งอยู่ใกล้กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงเรียนชั้นนำอีกหลายแห่ง นอกจากนี้ GOLD มีแผนจะขาย FYI Center เข้า GVREIT ในปี 2562 ซึ่งจะหนุนกาไรเพิ่มขึ้นประมาณ 2-3% ต่อปี ไปอีก 29 ปีข้างหน้า (ยังไม่รวมอยู่ในประมาณการของเรา)