ไปไหนไม่ไกล

ไปไหนไม่ไกล

SET Index วานนี้ผันผวนแดนลบเป็นส่วนใหญ่ก่อนจะมีการฟื้นตัวต่อเนื่องด้วยแรงซื้อจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันกว่า 3.5 พันล้าน

ท่ามกลางปัจจัยภายนอกประเทศที่ยังต้องติดตามการเริ่มบังคับใช้มาตรการกีดกันทางการค้าของ สหรัฐ-จีน และราคาน้ำมันอ่อนตัว กดดันหุ้นกลุ่ม ENERG ส่วน COM ICT TRANS BANK ล้วนปรับขึ้นมาหักล้าง เป็นผลให้ SET Index ปิดที่ 1,607.27 จุด (+11.69 จุด) Volume 4.83 หมื่นลบ. มาจาก Foreign Net -1,850.74 ลบ. TFEX Net +11,439 สัญญา ตราสารหนี้ -782.55 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย  

+ดาวโจนส์ปิดบวกโดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ดีดตัวขึ้น จากคาดการณ์ว่าผลประกอบการจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 2 ปีนี้

+ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐจาก ISM พุ่งขึ้นสู่ระดับ 60.2  และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.4% สวนทางกับดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตที่ปรับตัวลงสู่ระดับ 55.4

+พาณิชย์ เผย CPI เดือน มิ.ย.61 ขยายตัว 1.38%, CORE CPI ขยายตัว 0.83%

+ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจปรับตัวขึ้นสู่ 52.8 โดยเพิ่มขึ้นจากธุรกิจผลิตอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์ และผลิตสิ่งทอและเครื่องแต่งกาย

-น้ำมันดิบปรับตัวลงจากการผลิตน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นของซาอุดิอาระเบีย รัสเซีย และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่เพิ่มขึ้นในเดือนมิ.ย.

-ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตยูโรโซนปรับตัวลงสู่ 54.9 แตะระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน

-คลัง เผยหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้น พ.ค.61 เพิ่มขึ้นสู่ 40.78% ของ GDP

-EU ขู่รีดภาษีสินค้าสหรัฐวงเงินเกือบ 3 แสนล้านดอลลาร์ หาก"ทรัมป์"เพิ่มภาษีรถยุโรป

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 1.82 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท 33.16 บาท/US

** จับตาประชุมครม.วันนี้ พรุ่งนี้ธปท.เผยแพร่รายงานการประชุมกนง.

ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวก  ตัวเลขศก.ในประเทศและต่างประเทที่ออกมาดี  ส่วนปัจจัยกดดันมาจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง  ความกังวลสงครามการค้า และ fund flow ผันผวน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,599-1,617 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- หุ้น Beta <0.5 Dividend > 5% DIF DRT MC LH GLOW

- หุ้น Beta <1.0 Dividend > 3.8% TCAP SCB KTB SAT

- KCE CPF GFPT กลุ่มส่งออก ค่าเงินบาทอ่อนค่าสู่ 33.16 บาท/US

- BDI ปรับเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นวันทำการที่ 3 รวมกว่า 8.6% มาที่ 1422 จุด ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มเดินเรือเทกอง Laggard (PSL – 3.6% TTA –4.4%)

หุ้นแนะนำพิเศษ

HMPRO (ราคาปิด 13.80 ทยอยซื้อ Bloomberg Consensus 15.41)

  • ปีนี้เพิ่งเปิดสาขาใหญ่แห่งแรกสาขากัลปพฤกษ์เป็นสาขาที่ 82 ซึ่งก่อนหน้านี้การเปิดสาขาใหม่มักเป็นสาขาขนาดเล็ก (โฮมโปรเอส) ในชุมชนหนาแน่น ซึ่งเป็นไปตามแผนปลายปีนี้จะมีสาขาใหญ่ทั้งหมด 82 สาขา สาขาเล็ก 8-11 สาขา และเมกะโฮม 12 สาขา ส่วนต่างประเทศปัจจุบันมี 6 สาขาในมาเลเซียขณะนี้ยังไม่มีแผนขยายสาขาเพิ่มเติม แต่ยังสนใจศึกษาขยายสาขาในภูมิภาคเอเชียใต้
  • แนวโน้มกำไร 2Q61 เติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจาก SSSG ที่เติบโตต่อเนื่อง Bloomberg Consensus คาดกำไร 2Q61 เฉลี่ย 1,385 ลบ. +10% คาดกำไรปี 61 เท่ากับ 5,660 ลบ. +16%
  • เรามีมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานของ HMPRO การที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับดีขึ้นมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วสนับสนุน SSSG เติบโตต่อเนื่อง ราคาหุ้นที่ปรับลดลง 10% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาซื้อขายที่ PER 34.6 เท่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ระดับ 29.5 เท่า แนะนำ ทยอยซื้อ

  • +PRM ปิดดีลซื้อหุ้น “Big Sea” ล็อตแรก 70% มูลค่า 1,400 ล้านบาท ดันงบครึ่งปีหลังโตเด่น เตรียมบุ๊กรายได้-กำไร “Big Sea” ตั้งแต่ไตรมาส 3/2561 พร้อมเล็งทยอยซื้อหุ้นเพิ่ม 10% ต่อปี ได้ IRR เฉลี่ย 11.70% หวังขึ้นแท่นเบอร์ 1 ให้บริการขนส่งน้ำมันทางทะเลภายในประเทศ (ที่มา ข่าวหุ้น)
  • "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด" แต่งตัวเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ พร้อมยื่นไฟลิ่ง ไตรมาส 2/2562 หวังระดมทุนรองรับแผนขยายธุรกิจ Sport Entertainment แต่งตั้ง บล.ฟินันเซีย ไซรัส นั่งที่ปรึกษาทางการเงิน(ที่มา ทันหุ้น)
  • LPN (ราคาปิด 30 Bloomberg Consensus 11.48) ชูกลยุทธ์ “Year of Change” รุกตลาดบ้านระดับพรีเมียม ตั้งเป้า 3 ปี สัดส่วนรายได้แนวราบแตะ 5,000 ล้าน ล่าสุดผุดโครงการ “BAAN 365” มูลค่า 3,200 ล้าน พร้อมเปิดขาย 14-15 ก.ค.นี้ คาดสิ้นปีมียอดขาย 1,200 ล้าน (ที่มา ข่าวหุ้น)

หุ้นมีข่าว   

·        กลุ่มโทรคมาคม : ที่ประชุมบอร์ด กสทช.เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 61 เห็นชอบหลักเกณฑ์ประมูลคลื่น 1800 MHz คือ 9 ใบอนุญาต ใบละ 5 MHz ประมูลได้สูงสุด 4 ใบ ราคาเริ่มต้น 1.25 หมื่นล้านบาท  และ 900 MHz คือ 1 ใบอนุญาต ใบละ 5 MHz ราคาเริ่มต้น 3.59 หมื่นล้านบาท (สุทธิจากการลงทุนระบบป้องกันคลื่นรบกวนอีก 2 พันล้านบาท) โดยกระบวนการต่อไปคือ นำร่างประกาศหลักเกณฑ์การประมูลประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาภายในวันที่ 5 ก.ค. 61 หลังจากนั้นในวันที่ 6 ก.ค.- 7 ส.ค. 61 จะดำเนินการเชิญชวนและรับเอกสารคำขอผู้สนใจเข้าร่วมการประมูล (ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น)

·        ความเห็น ยังคงต้องติดตามการเคลื่อนไหวของผู้ประกอบการแต่ละรายที่จะเป็นปัจจัยบวก และลบ เฉพาะตัว กล่าวคือ 1) DTAC (Bloomberg Consensus 52.55 บาท) จะเป็นบวกหากเข้าร่วมทั้ง 900 MHz และ 1800 MHz เนื่องจากจะได้รับมาตรการเยียวยา แต่ปัจจุบันบริษัทยังมีความชัดเจนเพียงการเข้าประมูลคลื่นที่ 900 MHz เท่านั้น 2) ADVANC (Bloomberg Consensus 220.28 บาท) น่าจะเป็นบวกบางส่วนหากเข้าร่วมประมูล 1800 MHz เพื่อให้มีความครบถ้วนของคลื่นในระยะยาว ขณะที่ในระยะสั้น Consensus คาดกำไร 2Q61 เติบโต 12%YoY และ 3) TRUE (Bloomberg Consensus 7.40 บาท) ต้องติดตามการเคลื่อนไหวของ DTAC อีกครั้ง ว่าจะได้รับมาตรการเยียวยาหรือไม่ ซึ่งจะมีผลต่อส่วนแบ่งตลาดของบริษัท

·        AGE (ราคาปิด 1.41 บาท ซื้อ ราคาเหมาะสม 1.73 บาท) ผู้บริหารคาดผลงานปี 61 New high จากการเติบโตทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะ 4Q61 ที่เป็น High Season ปัจจุบันมียอดสั่งซื้อพร้อมส่งมอบ 3 แสนตัน ส่งมอบในงวด 3Q61 โดยรวมน่าจะทำให้เป้าหมายปริมาณขายถ่านหินทั้งปี 61 ตามเป้า 3 ล้านตัน (มาจากเวียดนาม 3 แสนตัน และคาดมีโอกาสเติบโตไปสูงถึง 1 ล้านตันในอนาคต) ด้านธุรกิจ Logistic ปัจจุบันมีเรือ 12 ลำ น่าจะให้บริการเพิ่มอีก 12 ลำในต้นปี 62 (ที่มา : หนังสือพิมพ์ทันหุ้น)

·        ความเห็น การเติบโตของปริมาณจำหน่าย น่าจะเห็นตัวเลขที่ก้าวกระโดดในงวด 2Q61 ก่อนที่จะโดดเด่นอีกครั้งในงวด 4Q61 ดังกล่าวข้างต้น เนื่องจากคาดได้รับแรงหนุนจากการ Restocking ของลูกค้าภายในประเทศ โดยคาดว่าจะหนุนให้ปริมาณขายเพิ่มขึ้นกว่า 58.6%YoY และหนุนให้คาดกำไรงวด 2Q61 เติบโตกว่า 48.6%YoY มาอยู่ที่ 49.6 ล้านบาท ส่วนเวียดนาม ยังเชื่อว่าเป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญในอนาคตจากการขยายตัวของการนำเข้าถ่านหินในประเทศที่เพิ่มขึ้นกว่า 150% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา โดยรวมจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

·        + TCAP (ราคาปิด 49 Bloomberg Consensus 57.61)  ธนาคารธนชาต
ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในส่วนของแคมเปญดอกเบี้ยต่ำจากเดิมที่ 1.89-1.99% เป็นระดับไม่ต่ำกว่า 2% ส่วนอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อทั่วไปยังไม่ได้ปรับขึ้น ทั้งนี้ผู้บริหารมองตลาดรถยนต์ในปี 2561 มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตามเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้น ขณะที่ค่ายรถยนต์เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกมา คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังตลาดจะยังเติบโตต่อเนื่อง ยอดขายทั้งปี 950,000-1 ล้านคัน จากปี 2560 ที่ 870,000 คัน ทำให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของธนาคารมีแนวโน้มขยายตัวตามตลาดรถยนต์ใหม่