รวบแก๊งแขกหลอกเหยื่อต่างชาติ พาโขกราคาร้านจิวเวอร์รี่

รวบแก๊งแขกหลอกเหยื่อต่างชาติ พาโขกราคาร้านจิวเวอร์รี่

"สุรเชษฐ์" รวบแก๊งไซด์แขก ตระเวนหลอกเหยื่อต่างชาติ พาไปโขกราคาตามร้านเครื่องประดับ-ร้านตัดสูท พบพฤติกรรมฉาวอีก เล็งเสนอศาลตัดสิทธิ์ห้ามเข้าพื้นที่ท่องเที่ยว

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 2 ก.ค.2561 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พร้อมด้วย พ.ต.อ.จารุติ ศรุตยาพร รอง ผบก.น.6 พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.2 พ.ต.อ.วรนัฏฐ์ ผ่อนผัน ปรก.รอง ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.ปภัชเดช เกตุพันธ์ รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.สมชาย จันทร์คง รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.สุรพงค์ ธรรมพิทักษ์ ผกก.สน.พระราชวัง ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าและบริการ ประกอบด้วยกลุ่มไซด์แขกที่หลอกลวงนักท่องเที่ยวและกลุ่มรถตุ๊กตุ๊ก นอกจากนี้ได้ขยายผลไปยังร้านค้าที่ขายสินค้าและบริการทั้งประเภทร้านเครื่องประดับร้านตัดสูท และร้านขายบริการท่องเที่ยว

สำหรับกลุ่มไซด์แขกจะอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ โดยให้ข้อมูลอันเป็นเท็จเพื่อจูงใจนักท่องเที่ยว เมื่อมีการไซด์แขกได้แล้วจะส่งสัญญาณให้คนขับรถตุ๊กตุ๊กโดยบอกเส้นทางการเดินทางและร้านที่จะไป จากนั้นรถตุ๊กตุ๊กจะพานักท่องเที่ยวไปส่งยังสถานที่ต่างๆ โดยทางร้านค้าจะให้ส่วนแบ่งร้อยละ20 จากราคาการขาย แบ่งเป็น 1.กลุ่มหลอกลวงเพื่อขายเครื่องประดับ (Jewelry scam) ได้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้มีพฤติการณ์ในการติดต่อชักชวนนักท่องเที่ยวหรือไซด์แขก จำนวน 6 คน และดำเนินคดีกับ ร้าน S&J EXPORT ชื่อเดิม มณีไทย ดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา ในฐานความผิดตาใมาตรา 209 อั้งยี่ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 14,000 บาท

2.กลุ่มหลอกลวงเพื่อตัดสูท (Tailor Scam) ดำเนินคดีกับร้านเทเวศร์ แฟชั่น, ร้านเจมส์แฟชั่น, ร้านบีบี แฟชั่น, ร้านราม แฟชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล และร้านวาสนา ในความผิดฐาน ขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่ติดฉลากสินค้า ตามมาตรา 30 พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค พศ.2522 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ , ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่ายซื้อหรือรับไว้ โดยประการใด อันของตนพึงรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิได้ผ่านพิธีทางศุลกากร ตามมาตรา 246 พรบ.ศุลกากร พศ.2560 ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาของ ซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้วหรือทั้งจำทั้งปรับ และขายของโดยหลอกลวงให้ผู้อื่นหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือ ปริมาณแห่งของนั้น อันเป็นเท็จ ตามมาตรา 271 ประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพคุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินคาหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโฆษณาหรือใช้ฉลาก ที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น ตามมาตา 47 พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 50,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ได้ตรวจยึดสินค้าประเภทม้วนผ้าและเครื่องแต่งกายมูลค่ารวม 2,312,100 บาท

3.กลุ่มหลอกลวงเพื่อนำเที่ยว (Travel Scam) ได้ดำเนินคดีกับบริษัท รอยัล แทรเวลลิ่ง จำกัด ในฐานความผิด ประกอบธุรกิจนำเที่ยวไม่จัดให้มีการประกันภัยสำหรับอุบัติเหตุให้แก่นักท่องเที่ยว มัคคุเทศก์ และผู้นำเที่ยวในระหว่างเดินทางท่องเที่ยว ตามมาตรา 34 พรบ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ครั้งนี้ได้จัดการขั้นเด็ดขาดมีการแจ้งข้อหาอั้งยี่ ซึ่งมีอัตราโทษสูง ทั้งนี้ หากพบว่ามีการกระทำผิดซ้ำอีก จะมีมาตรการขั้นต่อไปคือ การขออนุมัติคำสั่งศาล เพื่อสั่งห้ามคนไซด์แขก ห้ามเข้ามาในพื้นที่ที่ท่องเที่ยว อาทิ พระบรมมหาราชวังฯ รวมถึงร้านค้าที่ถูกจับกุมไปทั้งหมด ห้ามประกอบธุรกิจประเภทดังกล่าวอีก เพื่อป้องกันการเปลี่ยนชื่อและกลับมาก่อเหตุอีก ส่วนกลุ่มคนขับรถแท็กซี่ที่โกงค่าโดยสารด้วยการไม่กดมิเตอร์แต่บังคับให้นักท่องเที่ยวเหมาจ่ายในราคาที่สูง และไม่รับผู้โดยสารตามแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งมาตรการจัดการดังกล่าวจะทำในทุกพื้นที่ท่องเที่ยว ทั้งจ.เชียงใหม่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จ.ภูเก็ต อ.พัทยา จ.ชลบุรี และตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ

ด้านพ.ต.อ.จารุติ กล่าวว่า ในพื้นที่ บก.น.6 ได้มีการกวดขันจับกุมรถโดยสารสาธารณะ เช่น รถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก รถจยย.รับจ้าง ที่มีการปฏิเสธผู้โดยสาร เรียกราคาสูงเกินจริง ไม่กดมิเตอร์ ฯลฯ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (พ.ค.-มิ.ย.) สามารถจับกุมได้กว่า 290 คน และจะมีการกวดขันจับกุมอย่างต่อเนื่อง

จากการสอบถามกลุ่มร้านตัดสูทรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ไม่ได้หลอกลวง หรือยัดเยียดสินค้าไม่ได้คุณภาพให้กับลูกค้าแต่อย่างใด เพียงแค่ติดป้ายว่ามาจากประเทศอิตาลี และไม่ได้ขายราคาแพงจนเกินไป ส่วนกลุ่มไซด์แขก ให้การว่า ธุรกิจนี้มีมานานกว่า 30-40 ปี ไม่ได้อ้างสถานที่ท่องเที่ยวปิด เพียงแต่บอกว่านักท่องเที่ยวเยอะ ควรไปซื้อของก่อนแล้วค่อยกลับมาเดินเที่ยว จากนั้นก็จะพาไปยังร้านค้าที่ดิวกันไว้ ทั้งนี้เมื่อ 10 ปี ก่อนเคยมีรายได้วันละ 10,000 บาท แต่ปัจจุบัน เหลือวันละ 500-1,000 บาท เท่านั้น