รัสเชียเขี่ยสเปน ตกรอบ 16 ทีม สกอร์รวม 5-4

การจัดทัพ สเปน มีการหมุนเวียนตัวผู้เล่นโดยให้ มาร์โก อเซนซิโอ ลงเป็นตัวจริง อันเดรส อีเนียสตา ประสานงานกับ ดาบิด เด เคอา, เซร์คิโอ รามอส, ดาบิด ซิลบา, อีสโก, และดีเอโก คอสตา

ด้านรัสเซีย จัดผู้เล่นชุดใหญ่ นำโดย  อิกอร์ อาคินเฟเยฟ, โรมัน ซอบนิน, อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน และอาร์เต็ม ซูบา

เริ่มเกมมาเพียง 11 นาที สเปน ได้ประตูออกนำก่อนจากจังหวะที่ได้ฟรีคิกริมกรอบเขตโทษด้านขวาแล้ว มาร์โก อเซนซิโอ โยนเข้าไปในกรอบเขตโทษแล้วบอลไปโดนส้นเท้าของ เซอร์เก อิกนาเชวิช ที่ประกบกับ เซร์คิโอ รามอส อยู่ ซึ่งบอลเปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเอง

หลังจากนั้นเจ้าภาพ พยายามเปิดเกมบุกเพื่อทวงประตูตีเสมอ และในนาทีที่ 41 "หมีขาว" ก็มาได้ประตูตีเจ๊า จากจังหวะที่ เคราร์ด ปิเก ทำแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษ ซึ่งผู้ตัดสินก็ให้เป็นจุดโทษทันที แล้วเป็น อาเต็ม ซูบา ซัดเข้าไปไม่พลาดสกอร์กลับมาเท่ากันที่ 1-1 พร้อมจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

     เข้าสู่ครึ่งหลัง สเปน พยายามหาช่องเจาะประตูขึ้นนำ รัสเซีย ให้ได้ ขณะที่เจ้าภาพใช้เกมรับที่หนาแน่นเข้าสู่ และสวนกลับเป็นพักๆ ซึ่งในนาทีที่ 84 สเปน น่าได้ประตูออกนำ จากจังหวะที่ จอร์ดี อัลบา ลุยเข้ามาทางด้ายซ้าย ก่อนเปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษให้ ยาโก อัสปาส พักคืนให้ อันเดรส อิเนียสตา ได้ยิงด้วยขวาบริเวณหัวกระโหลก ซึ่งบอลกำลังจะพุ่งเสียบเสาแต่ อิกอร์ อคินเฟเยฟ พุ่งปัดได้อย่างสวยงาม

      หลังจากนั้นไม่มีฝ่ายใดทำอะไรกันได้ ทำให้จบเกมในเวลาปกติด้วยสกอร์ 1-1 ต้องไปแข่งกันต่อในช่วงทดเวลาพิเศษ 30 นาที

      ส่วนในช่วงทดเวลา สเปน พยายามหาประตูออกนำให้ได้ โดยมีโอกาสส่องประตูหลายครั้ง แต่เกมรับของ รัสเซีย ยังช่วยกันได้ดี ทำให้ต้องไปหาทีมเข้ารอบด้วยการยิงจุดโทษตัดสิน

      ผลปรากฏว่าเป็น รัสเซีย ที่ยิงได้เฉียบคมกว่า หลังยิงเข้าหมด 4 คน ขณะที่ สเปน โกเก และยาโก อัสปาส ยิงพลาด ทำให้ "หมีขาว" ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายแบบพลิกล็อกด้วยสกอร์รวม 5-4