‘มาลี กรุ๊ป’พลิกธุรกิจด้วยนวัตกรรมซีโร่เวสต์

 ‘มาลี กรุ๊ป’พลิกธุรกิจด้วยนวัตกรรมซีโร่เวสต์

น้ำส้มสายชูหมักจากจากน้ำมะพร้าวตกเกรด เป็นบายโปรดักนำร่องจากมาลีกรุ๊ปผ่านบริษัทในเครือ “เอ็มเอเอส” หนุนแปรรูปสร้างมูลค่าให้กับของเหลือจากกระบวนการผลิตตั้งเป้าซีโร่เวสต์

น้ำส้มสายชูหมักจากจากน้ำมะพร้าวตกเกรด เป็นบายโปรดักนำร่องจากมาลีกรุ๊ปผ่านบริษัทในเครือ “เอ็มเอเอส” อัดแน่นด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีสนับสนุนการแปรรูปสร้างมูลค่าให้กับของเหลือจากกระบวนการผลิตน้ำผลไม้และผลไม้กระป๋อง ตั้งเป้าซีโร่เวสต์ให้ธุรกิจหลัก

“ต่อจากนี้แบรนด์มาลีจะไม่ตีกรอบอยู่เฉพาะตลาดน้ำผลไม้และผลไม้กระป๋อง แต่จะกระจายความเสี่ยงให้เป็นมากกว่าธุรกิจน้ำผลไม้และผลไม้กระป๋อง ด้วยการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์และบริการไปยังกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ สอดคล้องกับธุรกิจเดิมของบริษัทและตรงกับเมกะเทรนด์โลก ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและพลังงาน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค อุตสาหกรรมและช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร“ รุ่งฉัตร บุญรัตน์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการบริษัท มาลี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าว

จากน้ำผลไม้สู่วัสดุการแพทย์

40 ปีแบรนด์ “มาลี” จากทำธุรกิจส่งออกผลไม้ ผลไม้กระป๋อง ขยายเข้าสู่นวัตกรรมเพื่อสุขภาพภายใต้บริษัทย่อย “มาลี แอพพลายด์ ไซเอ็นซ์” หรือเอ็มเอเอส ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาททำวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต หลังจากที่แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจหลักลดลง โดยเฉพาะตลาดน้ำผลไม้อัตราการเติบโตติดลบ 11%

เอ็มเอเอสจะให้ความสำคัญผลิตภัณฑ์ 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.ผลิตภัณฑ์ด้านชีววิทยาศาสตร์เพื่อสุขภาพ เช่น น้ำส้มสายชูหมักจากจากน้ำมะพร้าวตกเกรด 2.เพิ่มมูลค่าวัตถุดิบด้วยการนำมาใช้เกิดประโยชน์สูงสุดไม่ให้มีของเหลือทิ้ง เช่น การนำส่วนที่เหลือใช้มาผลิตเป็นขนมขบเคี้ยว ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

3. พัฒนาวัสดุอัจฉริยะจากวัตถุดิบการเกษตร เช่น กาวผลิตเส้นใยจากกะลามะพร้าวมาใช้ในวงการแพทย์ 4.การต่อเชื่อมระบบไอโอที (อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงก์) กับบรรจุภัณฑ์เพื่อเก็บข้อมูลของผู้บริโภคที่เป็นบิ๊กดาต้ามาใช้ในงานวิจัยพัฒนาสินค้าและทำการตลาดในรูปแบบแพลตฟอร์มเซอร์วิส

รุ่งฉัตร กล่าวว่า เอ็มเอเอสจะเข้ามาช่วยสร้างรายได้ให้มาลีกรุ๊ปเติบโตแบบก้าวกระโดดในอีก 5 ปีข้างหน้า คาดว่าจะเริ่มเห็นผลงาน 2 ปีต่อจากนี้หลังจากที่ได้เปิดตัวน้ำส้มสายชูหมักจากมะพร้าวตกเกรด สร้างมูลค่าเพิ่มออกมานำร่องเพื่อขยายตลาดส่งออกในยุโรป สหรัฐ ญี่ปุ่น เกาหลีและจีน คิดเป็นสัดส่วน 80% ส่วนที่เหลือ 20% เป็นตลาดในประเทศ ผ่านทางเอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ พารากอน ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้

ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 2 ในงาน World Food Awards 2018 ประเทศอังกฤษ และรางวัล Innovation Product ในงาน SIAL Expo 2018 สาธารณรัฐประชาชนจีน จากนั้นในไตรมาส 4 วางจำหน่ายขนมขบเคี้ยว ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คาดว่าปีแรกจะมีรายได้ 30 ล้านบาทและก้าวสู่ผู้นำอาหารและเครื่องดื่มระดับโลกตามเป้าหมาย

ปักหมุดในอุทยานวิทย์ฯ

“อีก 5 ปีจากนี้สัดส่วนรายได้ของ เอ็มเอเอส จะมาจากส่วนผสมในอุตสาหกรรมอาหารเสริม เครื่องสำอาง วัสดุทางการแพทย์ 80% อีก 20% จะเป็นค่าบริการวิจัยและพัฒนาสินค้าให้กับบริษัทในเครือและนอกเครือ ส่วนผลิตภัณฑ์น้ำส้มสายชูหมักจากจากน้ำมะพร้าวนั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่ใช้กระบวนการไม่ซับซ้อนหรือเทคโนโลยีขั้นสูง จึงสามารถออกมาได้เร็วกว่าผลิตภัณฑ์ที่เป็นส่วนผสมในอาหารเสริม เครื่องสำอาง วัสดุทางการแพทย์ ที่ใช้เทคนิคขั้นสูงและเวลาวิจัย 2-3 ปี” ศุภเกียรติ คำบุทอง กรรมการผู้จัดการ เอ็มเอเอส กล่าว

เอ็มเอเอสใช้พื้นที่อยู่ในอุทยานนวิทยาศาสตร์ประเทศไทย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ดำเนินงานมาได้ปีกว่า มีพันธมิตรทำการวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยหน่วยงานวิจัยในประเทศจะเป็นสถาบันการศึกษาที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ตรงกับงานวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์นั้นๆ ของบริษัท คิดเป็นสัดส่วน 60% ที่เหลือ 20 % จะเป็นพันธมิตรจากต่างประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น เยอรมนี

ในแต่ละปีใช้งบวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ 30 ล้านบาทจำนวน 10 โครงการ ตั้งเป้าจะผลักดันให้เกิดนวัตกรรม 2-3 รายการออกมาสู่ตลาดเพื่อสร้างรายได้ระยะสั้นให้กับองค์กร ระหว่างที่ทำการวิจัยโปรเจคที่ต้องใช้เวลา คาดว่าภายใน 2 ปีจะสามารถคืนทุนหลังจากที่ได้วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากงานวิจัย

“เอ็มเอเอสจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของมาลีกรุ๊ปด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าบริการ และเสริมสร้างศักยภาพของธุรกิจปัจจุบัน เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต โดยการสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลิตผลพลอยของผลิตภัณฑ์ (บาย โปรดัก) เพื่อสร้างความมั่นคงทางรายได้ให้กับเกษตรกรและบริษัท โดยไม่พึ่งพาธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งมากเกินไป”