กองปราบรวบสาวแสบ เปิดเฟซฯตุ๋นขายมือถือ โกยเงินเดือนละแสน

กองปราบรวบสาวแสบ เปิดเฟซฯตุ๋นขายมือถือ โกยเงินเดือนละแสน

ตำรวจกองปราบฯ ตามจับสาวแสบเมืองชล ปลอมเฟซฯหลอกขายมือถือ ก่อนเชิดเงินหลบหนี เจ้าตัวสารภาพร่วมกับสามีชาวไอริช ตุ๋นเหยื่ออื้อ โกยเงินเดือนละแสน

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1บก.ป. พ.ต.ต.พลปพัฒน์ ภู่พูลทรัพย์ สว.กก.1บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กก.1บก.ป. จับกุมตัว น.ส.กชวรรณ อายุ 33 ปี ชาวจ.ชลบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลตลิ่งชัน เลขที่ 19/2561 ลงวันที่ 19 ม.ค. 2561 ในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน” , “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ” โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณหมู่บ้าน ซอยสัตหีบสุขุมวิท 31 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พร้อมยึดของกลาง โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง บัตรเอทีเอ็ม จำนวน 7 ใบ สมุดบัญชี 11 เล่ม


ทั้งนี้ สำหรับการจับกุมตัวดังกล่าว สืบเนื่องจากผู้ต้องหารายนี้ ได้ก่อเหตุโพสต์ข้อความหลอกลวงขายโทรศัพท์มือถือให้กับผู้เสียหายหลายรายผ่านทางเฟซบุ๊ค โดยจะหลอกให้ผู้เสียโอนเงินก่อนจะส่งของ ซึ่งหลังจากได้เงินแล้วก็จะบล็อคการติดต่อกับผู้เสียหายทันที ต่อมามีผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้ในหลายท้องที่ จนกระทั้งทางพนักงานสอบสวนสน.บางกอกน้อยได้ออกหมายจับผู้ต้องหารายนี้ไว้ได้ ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่กองปราบได้ทำการสืบสวนจนสามารถจับกุมได้ดังกล่าว


ทางด้าน พ.ต.ต.พลปพัฒน์ เปิดเผยว่า จากการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหารายนี้ยังมีการนำบัตรประชาชนผู้อื่น มาตัดต่อรูปแล้วนำไปหลอกให้เหยื่อหลงเชื่ออีกด้วย ซึ่งในการจับกุมสามารถตรวจยึดบัตรประชาชนดังกล่าวได้ โดยนำมาตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นบัตรที่มีการแจ้งหายไว้

จากการสอบสวน น.ส.กชวรรณ ให้การรับสารภาพว่า ร่วมกับสามีที่เป็นชาวไอริช ปลอมเฟซบุ๊คหลอกขายโทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่าง ๆ โดยจะล่อใจผู้ซื้อในการตั้งราคาขายต่ำกว่าราคาท้องตลาด มีผู้เสียหลงเชื่อหลายราย ก่อเหตุมาแล้วกว่า 3 ปี และได้เงินจากการหลอกลวงเดือนละประมาณ 100,000 บาท ซึ่งเงินที่ได้มาจะนำมาแบ่งกันเพื่อไปใช้จ่าย ทั้งนี้ก่อนที่จะมาก่อเหตุตนจบการศึกษาในระดับปริญาตรี จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจ.ชลบุรี สาขาบริหารการจัดการ โดยเมื่อเรียนจบได้ทำงานในตำแหน่งเลขนุการให้กับบริษัทรับทำเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่งในจ.ชลบุรี ก่อนที่จะมารู้จักกับสามีชาวไอร์แลนด์ ซึ่งต่อมาได้อยู่กินกันจนมีลูก 1 คน วัย 2 ขวบ

ด้าน นายเอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ได้ติดต่อซื้อโทรศัพท์ยี่ห้อแอปเปิ้ล รุ่นไอโฟน7พลัส ในราคา 15,000 บาท โดยทางผู้ต้องหาได้นำใบประกันเครื่องโทรศัพท์ดังกล่าวให้ตนดู เพื่อความเชื่อมั่นว่ามีสินค้าจริง ซึ่งตนได้พิจารณาแล้วว่าชื่อในประกันกับเลขบัญชีที่จะโอนไปเป็นคนเดียวกันจึงหลงเชื่อโอนเงินให้ไป ก่อนที่จะมีการนัดส่งของกัน แต่เมื่อถึงกำหนดกลับไม่ได้ของตามที่ตกลง ตนเองพยามทวงถามก็ถูกบ่ายเบี่ยง จนกระทั้งไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย จึงรู้ว่าตนเองถูกหลอก และไดัไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่สน.พหลโยธิน นอกจากนี้ตนได้หาข้อมูลเกี่ยวกับคนร้ายรายนี้ปรากฎว่ามีผู้เสียหายลักษณะเดียวกับตนประมาณ 30 ราย

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำและให้ผู้เสียหายมายืนยันตัวผู้ต้องหา ก่อนประสานให้พนักสอบสวนสน.บางกอกน้อย มารับตัวไปดำเนินคดีต่อไป ส่วนผู้เสียหายท่านใดที่ตกเป็นเหยื่อคนร้ายรายนี้สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ที่ สน.บางกอกน้อย