สงครามการค้ากดดัน แต่ตลาดอาจได้แรงหนุนจากน้ำมันและธ.กลางจีนผ่อนคลาย

สงครามการค้ากดดัน แต่ตลาดอาจได้แรงหนุนจากน้ำมันและธ.กลางจีนผ่อนคลาย

สงครามการค้ากดดัน แต่ตลาดอาจได้แรงหนุนจากน้ำมันและธ.กลางจีนผ่อนคลาย

ความกังวลทางการค้ายังสร้างบรรยากาศเชิงลบต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งแม้เรามองผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงน่าจะอยู่ในระดับที่จำกัด และไม่น่าจะนำไปสู่การเกิดสงครามการค้าอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงที่สุดของความขัดแย้งจะนำไปสู่การเจรจา (negotiation) แต่ปัจจัยดังกล่าวน่าจะสร้างแรงกดดันต่อตลาดทุนและตลาดเงินไปอีกระยะ อย่างไรก็ตามการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบหลังโอเปคมีมติเพิ่มกำลังการผลิต 1 ล้านบาร์เรล แต่ผลิตจริงได้ต่ำกว่าที่เพียง 6-7 แสนบาร์เรล (จากข้อจำกัดกำลังการผลิตบางประเทศ) เป็นปัจจัยที่น่าจะช่วยประคองจิตวิทยาของตลาดในระยะสั้น ประกอบกับการที่ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราการกันสำไรองธนาคารพาณิชย์ (RRR) จะเป็นปัจจัยบวกทางจิตวิทยาที่ช่วยให้ตลาดผ่อนคลายได้ระดับหนึ่ง

สำหรับหุ้นไทย จากการประเมินทางพื้นฐาน ณ ระดับดัชนีที่ 1600-1650 จุด ค่อนข้างสะท้อนความเสี่ยงต่อปัจจัยลบที่เกิดขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตามแรงกดดันภายนอกจะยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ถ่วงการฟื้นตัวของราคาหุ้น อีกทั้งภาวะกลัวความเสี่ยง (risk off) จะทำให้หุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานไม่แน่นอน รวมทั้ง PER สูง มีความเสี่ยงที่จะถูกลดน้ำหนัก แต่คาดกระทบต่อหุ้นที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจในประเทศน้อยกว่า และกระทบต่อหุ้นที่ซื้อขายด้วย Valuation ต่ำไม่มาก

Investment Theme เลือกเก็งกำไรรายตัวในหุ้นที่เป็นเป้าหมาย Window dressing ของนักลงทุนสถาบัน เน้นหุ้นที่อิงเศรษฐกิจในประเทศเพื่อหลบความกังวลสงครามการค้า BBL, KTB, KBANK, ROBINS, SPALI, AP, RATCH / เก็งกำไรหุ้นส่งออก KCE, HANA, DELTA, GFPT*

ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัวในกรอบ 1600-1650 จุด  // หุ้นแนะนำวันนี้ PTT, AEONTS* / เก็งกำไร GFPT* (เป้า 13.50 ตัดขาดทุน 12.10), GOLD* (เป้า 12 ตัดขาดทุน 10.00)

แนวรับ 1627 / แนวต้าน : 1643 จุด สัดส่วน : เงินสด 30% : พอร์ตหุ้น 70%

 

ประเด็นการลงทุน

เจพีมอร์แกนทิ้งหุ้นไทย หนักสุดในโบรกเกอร์นอก นับตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย.2561 ซึ่งเป็นวันหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นดอกเบี้ยจงหวะเดียวกับที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนลุกลามจนถึงวันที่ 21 มิ.ย.2561 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 30,041 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ขายสุทธิอีก 8,893 ลบ.

ธนาคารกลางจีนลดสัดส่วนกันสำรอง หนุนสภาพคล่อง ธนาคารกลางจีนประกาศลดสัดส่วนกันสำรองธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.501% เริ่มบังคับใช้ 5 ก.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายเป้าหมายที่จะสนับสนุนโครงการสว็อปหนี้สินต่อทุน (debt-to-equity swap) และเพื่อช่วยธุรกิจขนาดเล็กให้สามารถระดมเงินทุนได้มากขึ้น

กลุ่มโอเปกหนุนเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบ กลุ่มผู้ผลิตโอเปกระบุเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน แต่ไม่มีการระบุปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากสมาชิกบางประเทศได้ลดกำลังการผลิตมากกว่าที่ได้ตกลงกันไว้ในเดือนพ.ย.2559 ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติให้สมาชิก 12 ประเทศจากทั้งหมด 14 ประเทศ เพิ่มกำลังการผลิต เพื่อให้ตัวเลขความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันกลับสู่จำนวน 1.2 ล้านบาร์เรล/วันที่ตกลงกันไว้ในเดือนพ.ย.2559

รฟม.เปิดประมูลรถไฟสีส้ม STEC ร่วมชิง 1.2 แสนลบ. – รฟม.ชงบอร์ดอนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่ากว่า 1.2 แสนลบ. คาดเปิดประมูล Q4/2561 นี้ ด้าน STEC เล็งเข้าประมูลแน่นอน หลังซื้อซองประมูลโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน พร้อมรับพื้นที่รถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือ ปลายเดือนมิถุนายนนี้ หนุนผลงานนี้ครึ่งปีโตโดดเด่น มั่นใจรับงานใหม่แตะ 3 หมื่นล้านบาท ตามเป้า

ประเด็นติดตาม: 25-26 มิ.ย. – นัดประชุมพรรคการเมือง / 25 มิ.ย. – แผนเยียวยา DTAC / 28 มิ.ย. – U.S. Q1 GDP

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)