'ศาลยุติธรรมดิจิทัล' เร่งพัฒนาระบบบริการข้อมูลคดีศาลยุติธรรม CIOS

'ศาลยุติธรรมดิจิทัล' เร่งพัฒนาระบบบริการข้อมูลคดีศาลยุติธรรม CIOS

"โฆษกศาลยุติธรรม" เผยเร่งพัฒนาระบบบริการข้อมูลคดีศาลยุติธรรม CIOS เสร็จตามโรดแมปปี 65 เกิดผลดีจัดลำดับ Doing Business ธนาคารโลก

นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า ปัจจุบันศาลยุติธรรมมีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับการให้บริการแก่ประชาชนผู้มาติดต่อราชการศาลและคู่ความในคดีให้ได้รับความสะดวกมากขึ้น 
 

โดยล่าสุด "ศาลอาญา" ได้เพิ่มช่องทางการชำระเงิน ค่าปรับนายประกัน , ค่าปรับจำเลยในคดี , ค่าธรรมเนียม , ค่าประกันตัว , ค่าตรวจพิสูจน์ , ค่าเสียหาย , ค่าประกาศหนังสือพิมพ์ ด้วยบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต หรือการโอนเงินผ่าน Mobile Banking ด้วยเครื่อง EDC ของธนาคารกรุงไทยโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม ทั้งในส่วนของการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือด้วย QR Code การชำระเงินด้วยบัตรเดบิตของธนาคารกรุงไทย และการชำระด้วยบัตรเดบิตของธนาคารอื่น ซึ่งส่วนนี้จะยกเว้นค่าธรรมเนียม ถึงเดือน ธ.ค.นี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่คู่ความ ส่วน  การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตของทุกธนาคาร จะมีค่าธรรมเนียมเรียกเก็บจากผู้ชำระเงินร้อยละ 1 ของยอดเงินชำระ เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.เป็นต้นไป

ซึ่งนอกกการพัฒนาช่องทางการชำระเงินให้มีความหลากหลายและสะดวกมากยิ่งขึ้นแล้ว  ขณะนี้กำลังพัฒนาระบบบริการข้อมูลคดีศาลยุติธรรม (Case Management Online Service : CIOS) ซึ่งการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ในศาลยุติธรรม จะก่อให้เกิดผลดีในการจัดลำดับ Doing Business ของธนาคารโลก (World Bank) ที่มีการตรวจสอบด้านต่างๆ รวมถึงการนำเอาสื่อเทคโนโลยีมาใช้ในการศาลยุติธรรม เพื่อประเมินความน่าเชื่อถือในการนำเงินทุนมาลงทุนในประเทศไทย อีกทั้งยังสนองตอบนโยบายของ "นายชีพ จุลมนต์" ประธานศาลฎีกา ที่มุ่งเน้นเพิ่มการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการคดี และยังเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่เป้าหมายในการเป็นรัฐบาลดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรมในปีงบประมาณ 2565 ด้วย

 "นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล" โฆษกศาลยุติธรรม ยังกล่าวอีกว่า 'สำนักงานศาลยุติธรรม' ยังเดินหน้าพัฒนาการให้บริการ โดยได้จัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง “ศาลยุติธรรมดิจิทัล : ระบบยื่นฟ้องและส่งคำคู่ความ e-Filing version 2” เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุม ชั้น 5 อาคารสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ด้วย เพื่อให้ทนายความได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบดังกล่าว และสามารถนำไปสู่การปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลังจากที่ได้เปิดใช้ระบบอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.60 เป็นต้นมา 

ซึ่งเดิมระบบยื่นฟ้องและส่งคำคู่ความ e-Filing จะใช้กับคดีผู้บริโภคที่ผู้ประกอบธุรกิจเป็นโจทก์ และคดีแพ่งสามัญบางประเภท ได้แก่ คดีซื้อขาย , เช่าทรัพย์ , เช่าซื้อ , ค้ำประกัน , จำนอง , จำนำ , กู้ยืมเงิน และบัตรเครดิต

แต่ขณะนี้พัฒนาระบบ e-Filing ให้สามารถเพิ่มประเภทคดีมากขึ้น คือ คดีผู้บริโภคที่ผู้บริโภคเป็นโจทก์ , คดีแพ่งสามัญ , คดีไม่มีข้อยุ่งยาก เช่น กู้ยืมสถาบันการเงิน การฟ้องหนี้บัตรเครดิต ,  คดีขับไล่ (มโนสาเร่) , คดีจัดการมรดก และคดีขอให้เป็นคนสาบสูญ