“สี จิ้นผิง”ชวนสร้างประชาคมโลกแชร์ผลประโยชน์เท่าเทียม

“สี จิ้นผิง”ชวนสร้างประชาคมโลกแชร์ผลประโยชน์เท่าเทียม

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ชวนประเทศต่างๆสร้างประชาคมโลกแบบได้ประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่าย ย้ำจีนเปิดกว้างอย่างจริงใจกับหุ้นส่วนทุกประเทศ

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ระบุว่า ยินดีที่จะร่วมมือกับประเทศต่างๆ ในการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน ในขณะที่โลกกำลังต้องเผชิญกับการกีดกันทางการค้าและการโดดเดี่ยว ซึ่งคำกล่าวนี้ของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงมีขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดี (21 มิ.ย.) ในขณะประชุมโต๊ะกลมกับผู้นำธุรกิจจากนานาชาติ ในงานการประชุมโกลบอล ซีอีโอ เคาน์ซิล ซึ่งจัดขึ้นในกรุงปักกิ่ง

นายสี ระบุว่าว่า ถึงแม้ว่าในปี 2560 เศรษฐกิจโลกจะดำเนินไปอย่างมีเสถียรภาพ แต่ก็ยังคงมีอัตราการเติบโตที่อ่อนแอ โลกกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายจากการกีดกันทางการค้า การโดดเดี่ยว และประชานิยมทางการค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมเสนอแผนการของจีนในการรับมือกับความเสี่ยงเหล่านี้จากมุมมองสี่ประการ

 ประการแรก คือโครงการเส้นทางสายไหมใหม่ของจีน เปิดกว้างและครอบคลุมทุกฝ่าย ซึ่งจีนสนับสนุนให้บริษัทข้ามชาติสร้างความร่วมมือกับรัฐวิสาหกิจจีน เพื่อบรรลุผลที่ทุกฝ่ายล้วนได้ผลประโยชน์ในเชิงปฏิบัติ ประการที่สองนายสี กล่าวถึงนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีโดยบอกว่า จีนมองว่าการทำให้ผู้คนมีคุณภาพที่ชีวิตที่ดีขึ้นนั้นเป็นจุดตั้งต้นของการสร้างนวัตกรรม

ประการที่สาม เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน นายสี ย้ำว่าจีนจะใช้กฎหมายและข้อบังคับที่เข้มงวดเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมทางนิเวศวิทยา เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อๆ ไปในอนาคต และประการที่สี่ ผู้นำจีนเรียกร้องให้ประชาคมโลกร่วมกันสร้าง แบ่งปัน และใช้แนวทางการปฏิรูป เพื่อการเปิดกว้างและการสร้างสรรค์นวัตกรรม ในด้านการกำกับดูแลโลก

นายสี ยังกล่าวด้วยว่า การลงทุนจากต่างประเทศมีบทบาทเชิงบวกที่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจจีน รวมถึงและกระบวนการปฏิรูปที่ลึกซึ้งมากขึ้นของจีน ในขณะเดียวกัน การเปิดกว้างทางเศรษฐกิจของจีน ก็มีบทบาทที่สำคัญต่อการพัฒนาและจีนจะยังคงเปิดกว้างต่อไปอย่างจริงใจ

บรรดาผู้สังเกตุการณ์ทางการเมืองให้ความเห็นว่า นายสี ต้องการทำความฝันให้เป็นจริง ตามที่เขาเคยประกาศว่าอยากเห็นประเทศจีนยิ่งใหญ่รุ่งเรือง มีสถานะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ภายในปี 2592 ในโอกาสครบ 100 ปีการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งกลยุทธ์อย่างหนึ่งที่จะสานฝันนี้ให้เป็นจริงคือ อภิมหาโครงการหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง ซึ่งจะหนุนส่งให้จีนกลายเป็นศูนย์กลางของโครงข่ายเส้นทางสัญจรของโลก