ไปรษณีย์ไทย ย้ำจุดยืน 'เบอร์หนึ่งธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์'

ไปรษณีย์ไทย ย้ำจุดยืน 'เบอร์หนึ่งธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์'

ไปรษณีย์ไทย ย้ำจุดยืน “เบอร์หนึ่งธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์” โชว์นวัตกรรมไปรษณีย์ไทย 4.0 เพื่อตอบโจทย์คนไทยและเศรษฐกิจไทย

นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ย้ำนโยบายการเดินหน้ายกระดับการให้บริการสู่ “ไปรษณีย์ไทย 4.0” ที่เน้นการสร้างความเข้มแข็งจากภายในองค์กร เพื่อให้บุคลากรทุกระดับของไปรษณีย์ไทย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนให้ไปรษณีย์ไทยเป็นองค์กรที่มี “มาตรฐาน ทันสมัย พึงพอใจลูกค้า”ภายใต้หลักการบริหารที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ พร้อมสนับสนุนการขับเคลื่อน  “อีคอมเมิร์ซระดับจังหวัด” และก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ รองรับโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC)

ขณะเดียวกัน ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบงานไปรษณีย์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดทั้งระบบงานรับฝาก ด้วยการขยายจุดรับฝากที่หลากหลาย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ ระบบงานคัดแยก ด้วยการนำเครื่องคัดแยกอัตโนมัติมาใช้ เพื่อให้การปฏิบัติงานมีความรวดเร็วขึ้น ระบบงานส่งต่อ  ให้ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เข้ามาทำหน้าที่ขนส่งไปรษณีย์ เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการขนส่งของไปรษณีย์ไทย และระบบงานนำจ่าย ที่ผู้ใช้บริการสามารถกำหนดวัน เวลา และสถานที่ได้ด้วยตนเอง ทั้งนี้ เพื่อให้ไปรษณีย์ไทย สามารถยืนหยัดและเป็น “เบอร์หนึ่ง” ในธุรกิจไปรษณีย์และการให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรในอาเซียน” ได้อย่างแท้จริง


โดยในปีนี้ ไปรษณีย์ไทยได้มุ่งเน้นการพัฒนาด้วยการนำเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาบริการ ภายใต้โจทย์ที่ลูกค้าจะได้ใช้บริการที่สะดวกและไม่ซับซ้อน โดยมีบริการใหม่ๆ จำนวนมาก อาทิ “บริการกล่องพร้อมส่งและแอปพลิเคชั่นพร้อมโพสต์” (Prompt Post) ช่วยให้ผู้ประกอบการประหยัดเวลาฝากส่งหน้าเคาน์เตอร์ ณ ที่ทำการฯ และลดต้นทุนในคราวเดียวกัน เพียงทำการฝากส่งล่วงหน้าจากที่บ้าน “เครื่องบริการรับฝากไปรษณีย์อัตโนมัติ” (APM) รองรับผู้ใช้บริการที่ต้องการฝากส่งเร่งด่วน หรือสิ่งของที่ไม่ผ่านการเอ็กซ์เรย์ โดยติดตั้งให้บริการ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และในปีนี้มีแผนการติดตั้งเครื่อง APM จำนวน 9 เครื่อง ณ ท่าอากาศยานในสังกัดของกรมท่าอากาศยาน จำนวน 7 แห่ง iBox บริการตู้นำจ่ายไปรษณีย์อัตโนมัติ โดยติดตั้งแล้ว ณ ที่ทำการไปรษณีย์ 28 แห่งในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก “บริการคูเรียโพสต์ (Courier Post)” บริการจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศระดับพรีเมียมภายใน 2-4 วัน พร้อมมีบริการ On Demand Delivery (ODD) ให้ผู้รับสามารถเปลี่ยนกำหนดเวลาการจัดส่งพัสดุ หรือเปลี่ยนที่อยู่สำหรับการรับพัสดุได้ตามต้องการ และล่าสุดติดตั้งเครื่องคัดแยกกล่องพัสดุและซองจดหมายประสิทธิภาพสูง ที่สามารถคัดแยกได้กว่า 8,000 - 9,000 ชิ้นต่อชั่วโมง ณ ศูนย์ไปรษณีย์ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อรองรับปริมาณงานไปรษณีย์ที่เพิ่มสูงขึ้นจากการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ


นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทย ยังมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยด้วยการผลักดันเศรษฐกิจฐานรากให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน มีการติดตั้งระบบบริหารร้านค้าปลีก หรือ พีโอเอส (Point of Sale : POS) เพื่อรองรับโครงการดิจิทัลชุมชนด้านอีคอมเมิร์ซ ณ ร้านค้าชุมชนที่เข้าร่วมโครงการกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ โดยปัจจุบันมีสินค้าอยู่ในระบบกว่า1,300 รายการ ที่สามารถเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ www.thailandpostmart.com ร้านค้าออนไลน์สินค้าชุมชนขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และจัดทำโครงการ “ไปรษณีย์ไทย...เพื่อแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง” ที่ใช้ศักยภาพด้านเครือข่ายที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศเป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชนโดยที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนเพิ่มขึ้นกว่า 50 เปอร์เซนต์ และมีสินค้าที่ได้รับการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว 

ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทย มุ่งพัฒนาบริการเพื่อรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล และพร้อมยกระดับระบบปฏิบัติการให้สะดวกต่อการใช้บริการและมีความทันสมัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้ใช้บริการ โดยคนไปรษณีย์ไทยทุกคนพร้อมเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศไทย”เดินหน้าพัฒนาความเป็นเลิศทุกกระบวนการทำงานรองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซเพื่อตอกย้ำศักยภาพการทำงานของไปรษณีย์ไทยในฐานะ“เครือข่ายชีวิตและ