"ณัฐวุฒิ" เจ็บปวด หาความยุติธรรมให้คนตายไม่ได้ ข้องใจทหารใช้ปืนสลายชุมนุม อยู่ในข้อไหนของหลักปฏิบัติสากล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังแถลงข่าว นายณัฐวุฒิ ได้สอบถามเลขา ป.ป.ช.ว่า ในฐานะที่เป็นมนุษย์ เชื่อหรือไม่ว่านี่คือความยุติธรรม โดย เลขาฯ ป.ป.ช. กล่าวว่า ข้อเท็จจริงและรายละเอียดอยู่ในสำนวนการไต่สวนแล้ว การพิจารณาคดีเป็นไปตามกฎหมาย ตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ทั้งนี้ อยากให้นายณัฐวุฒิ ได้ศึกษาคำชี้แจงของ ป.ป.ช.และ ป.ป.ช.ไม่ตัดโอกาส ในการยื่นพยานหลักฐานใหม่ เราเปิดโอกาสให้ตลอดเวลา และที่ยื่นมาก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.ได้พิจารณาในทุกประเด็น
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ และน้ำตาคลอเบ้าว่า “หัวใจผม ผมไม่เชื่อว่านี่คือความยุติธรรม ไม่อาจยอมรับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นได้ ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจในฐานะมนุษย์ ว่าผมยังมีสิทธิ์ที่จะติดตามทวงถามความยุติธรรม อยากให้รู้ว่าผมเจ็บปวด เพราะรู้ข่าวตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ว่า ป.ป.ช.จะไม่รื้อคดีนี้ วันนี้มาแบกรับความยุติธรรมร่วมกับคนตาย”
นายณัฐวุฒิ ยังตั้งข้อสังเกตถึง 2เหตุการณ์ระหว่างการสลายการชุมนุมพันธมิตรฯปี 51 กับ นปช.ปี 53 โดยกล่าวว่า แม้ ป.ป.ช.จะบอกว่าการปฏิบัติตามหลักสากลนั้น เป็นที่ยอมรับ แต่ ป.ป.ช.ไม่ทราบหรือว่าการสลายชุมนุมปี51 รัฐบาลอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถออกคำสั่งได้ เพราะต้องหนีเอาชีวิตรอดจากการปิดล้อม แต่ปี 53 รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ อยู่ในกรมทหารราบที่ 11 ซึ่งปลอดภัย และมีเหตุการณ์ต่อเนื่องเป็นเดือน จนปรากฏการใช้อาวุธสงคราม จากนั้นได้ออกคำสั่งเขตการใช้กระสุนจริง นั่นจึงเป็นข้อแตกต่างที่ของการใช้ดุลพินิจของ ป.ป.ช.ที่เห็นว่ารัฐบาลนายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ ไม่ปรับเปลี่ยนแนวปฏิบัติ แต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ได้ปรับเปลี่ยนแนวปฏิบัติตามกฎหมาย
“ผมเคารพคำสั่งศาลแพ่งและศาลอาญา แต่ขณะนี้คดีก่อการร้ายที่มีแกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่ง ถูกดำเนินคดียังอยู่ในชั้นศาล เพิ่งสืบพยานโจทก์ในศาลชั้นต้น ยังไม่พิพากษา และก่อนหน้านี้ ศาลได้พิพากษายกฟ้องกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่าชายชุดดำไปแล้วหลายราย นี่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงใหม่ที่ ป.ป.ช.ต้องหยิบยกไปพิจารณาหรือ วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลง เหตุการณ์คืบหน้า ป.ป.ช.จะไม่นำมาพิจารณาหรือ”นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ที่ ป.ป.ช.ระบุว่าการสลายชุมนุมปี 53เพราะรัฐบาลต้องการรักษาความสงบของบ้านเมือง ถามว่าการใช้อาวุธสงคราม ประกาศใช้กระสุนจริง ปรากกฎอยู่ในข้อใดของหลักสากล หากบอกว่าเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ แล้วนายกฯและรองนายกฯ มองไม่เห็นหรือว่าการปฏิบัตินั้นก่อให้เกิดความสูญเสียแล้ว แล้วได้มีคำสั่งของให้ปรับเปลี่ยนและยกเลิกการใช้อาวุธสงครามเป็นแก๊สน้ำตาหรือไม่ แต่กลับเพิ่มปฏิบัติการ กำลัง อาวุธที่ร้ายแรงขึ้นอีก
“ความสงบสุขของบ้านเมือง มันสร้างได้ด้วยการยิงคนมือเปล่าตายเกือบร้อยศพจริงหรือ ความสงบสุขของบ้านเมืองมันเกิดขึ้นเพราะคนตายเกือบร้อยศพ แล้วคดีไม่ถึงศาล มันสงบได้จริงหรือ ผมไม่อาจยอมรับได้ ผมพูดด้วยว่าเป็นมนุษย์ ที่มาไม่ได้แค้นนายอภิสิทธ์และนายสุเทพ ไม่ได้มาเพราะอาฆาตใครก็ตามที่ทำให้เกิดเหตุ แต่มาเพราะต้องการคำตอบจากประเทศนี้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นผมต้องตามหาความยุติธรรมที่ไหน ใครผิดใครถูกแล้วแต่ศาลจะวินิจฉัย ผมเพียงต้องการพาเหตุการณ์นี้ไปให้ถึงศาล เพียงต้องการสร้างหลักประกันว่าจากนี้ไปใครก็ตามที่มีอำนาจ จะไม่สามารถใช้กำลัง อาวุธสงคราม ปราบปรามทำลายชีวิตประชาชนได้อีกต่อไป และผมจำเป็นต้องรักษาเกียรติยศของคนตาย แต่ผมไม่ได้รับคำตอบว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ใช่ความยุติธรรมหรือไม่ แต่ผมแน่ใจว่าเราจะได้เจอกันอีก”
นายณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์ว่า จากนี้จะพยายามรวบรวมพยานหลักฐานใหม่เพื่อยื่นตามกระบวนการอีกครั้ง แต่คงไม่ใช่เร็วๆนี้ พร้อมรวบรวมรายชื่อประชาชนผู้มืสิทธิ์เลือกตั้ง ไม่ต่ำว่า 2 หมื่นรายชื่อ ยื่นต่อประธานรัฐสภาให้พิจารณายื่นต่อศาลฏีกา ตั้งกรรมการไต่สวนการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยจะดำเนินการเมื่อมีรัฐบาลเลือกตั้ง