สงครามการค้าขยายวง

สงครามการค้าขยายวง

SET Index วานนี้กลับมาปรับตัวลดลงต่อเนื่องตลอดวัน โดยยังคงมีปัจจัยกดดันจากสงครามการค้า และภาวะ Fund flow ไหลออก

นำการกดดันโดยกลุ่ม ENERG และกลุ่ม ICT ที่มีปัจจัยเฉพาะตัวจากความกังวลในการมีค่าจ่ายส่วนเพิ่มและความเสี่ยงสูญเสียลูกค้า จากความจำเป็นต้อง ผลักดันลูกค้าเดิมย้ายการใช้บริการของ DTAC ขณะที่กลุ่ม ETRON ชดเชยบางส่วนจากบาท เป็นผลให้ SET Index ปิดที่ 1,634.44 จุด (-29.82 จุด) Volume 6.16 หมื่นลบ. มาจาก Foreign Net -3,845.22 ลบ. TFEX Net +1,938 สัญญา ตราสารหนี้ -1,667.58 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย  

+จำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานสหรัฐลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 218,000 ราย และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ค.

+พาณิชย์เผย พ.ค.61 ส่งออกโต 11.4% นำเข้าโต 11.72% เกินดุล 1.2 พันล้านดอลล์

-ดาวโจนส์ปิดร่วงเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศต่างๆ ที่ขยายวงกว้างขึ้น

- ราคาน้ำมันปิดลบจากรายงานข่าวว่ากลุ่มโอเปกใกล้บรรลุข้อตกลงในการเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเวียนนาในวันนี้

-อินเดียและตุรกีประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าสหรัฐ ตอบโต้ถูกเก็บภาษีเหล็ก อลูมิเนียม

-ดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ดิ่งลงสู่ระดับ 19.9 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2559

- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 1.76 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท 32.88 บาท/US

+/-แบงก์ชาติอังกฤษคงดอกเบี้ยตามคาดในการประชุมวันนี้ แต่ 3 เสียงหนุนขึ้นดบ.

ภาวะตลาดหุ้นไทยยังคงมีปัจจัยกดดันจากสงครามการค้าโลกที่ยืดเยื้อและดูขยายวงกว้างมากขึ้น ราคาน้ำมันที่ปรับลดลง และ fund flow ไหลออก โดยมีปัจจัยบวกตัวเลขศก.สหรัฐที่ออกมาดีแต่มีน้ำหนักน้อย คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,618-1,645 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

-หุ้นเข้า SETHD BCP GLOW MAJOR RATCH SGP SPRC TOP TTW

- GGC ครม.เห็นชอบส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลให้มากขึ้น

-หุ้นเข้า SET50 BGRIM DELTA GLOW KTC RATCH TOA

-หุ้นเข้า SET100 BGRIM DELTA GLOW BLA ERW PRM RATCH RS THANI TOA TTW

- กลุ่มส่งออก ค่าเงินบาทอ่อนค่าสู่ 32.88 บาท/US

- CPALL ADVANC CPN EA TVO มีโอกาสทำ Window dressing

- หุ้นที่ Laggard ดัชนี CPF CK STEC UNIQ

หุ้นแนะนำพิเศษ

CGD Site Visiting (ราคาปิด 1.36)

  • จากการเข้าเยี่ยมชมคอนโดมิเนียม "โฟซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นท์" มูลค่าโครงการราว 1 หมื่นลบ. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเจ้าพระยาเอสเตทซึ่งก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ โดยมีแผนโอนในช่วง 4Q61 ปัจจุบันมียอดจอง 72% จากมูลค่าโครงการราว 2.1 หมื่นลบ.  บริษัทตั้งเป้าโอนได้ในปีนี้ราว 30% สำหรับโรงแรม 2 แห่งภายใต้โครงการดังกล่าวคาดจะเริ่มบริการราว 1Q62 บริษัทยังมีอีก 2 โครงการระหว่างพัฒนาที่จ.ฉะเชิงเทราและพระราม 3 จะพัฒนาเป็นโครงการแบบผสมผสาน ปัจจุบันอยู่ระหว่างออกแบบ (มีต่อ)
  • ความเห็น ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตสูงมากใน 4Q61 เมื่อเทียบกับ 1Q61 ที่มีกำไร 24 ลบ.พลิกจากขาดทุน 63 ลบ.ใน 1Q60 และกำไรปี 61 มีแนวโน้มพลิกฟื้นจากขาดทุน 193 ลบ.ในปี 60 แนะนำซื้อเก็งกำไร

  • AI - Analyst Meeting ผู้ผลิตและจำหน่ายลูกถ้วยไฟฟ้าเพื่อใช้ในกิจการไฟฟ้าและพลังงาน และธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยและสายส่งไฟฟ้า ปัจจุบันถูก SP ตั้งแต่ปี 58 เนื่องจากบริษัทย่อย (AIE) ผู้ประกอบธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม มีปัญหาผู้สอบบัญชีไม่รับรองงบการเงิน  บริษัทแก้ไขแล้ว และพร้อมกลับมาเทรดภายในเดือน ก.ค.61
  • ธุรกิจจำหน่ายลูกถ้วยไฟฟ้ามีส่วนแบ่งตลาดการจำหน่ายลูกถ้วยไฟฟ้าในประเทศไทยกว่า 55% มีกำลังผลิต 6,000 ตัน/ปี อัตราการใช้กำลังผลิตกว่า 95% ปี 58 - 60 รายได้ทรงตัวที่ 813, 756 และ 838 ลบ. ตามลำดับ ขณะที่ 1Q61 มีรายได้ 214 ลบ. -4%YoY และ -13%QoQ และกำไรสุทธิในปี 58 - 60 เท่ากับ 236, 240 และ 312 ลบ. ตามลำดับ 1Q61 มีกำไรสุทธิ 85 ลบ. -8%YoY –13%QoQ เป็นผลจากรายได้ลดลงในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยและสายส่งไฟฟ้า เนื่องจากภาครัฐเปลี่ยนระบบการเสนอโครงการจาก E-Auction เป็น E-Bidding ทำให้เกิดความล่าช้าในการประมูล และคาดว่าจะกลับมาประมูลได้อีกครั้งภายในปีนี้
  • อนาคตสดใสแนวโน้มความต้องการใช้ลูกถ้วยไฟฟ้ายังคงเพิ่มขึ้น : แนวโน้มธุรกิจการผลิตและจำหน่ายลูกถ้วยไฟฟ้ายังมีศักยภาพเติบโตได้ในอนาคตจากโครงการ EEC ทำให้มีการสร้างสถานีส่งไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเพื่อจ่ายไฟฟ้าให้อุตสาหกรรม และโครงการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน ผู้บริหารคาดว่าความต้องการลูกถ้วยไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกกว่า 20% 
  • ความเห็น การที่ความต้องการใช้ถ้วยไฟฟ้ายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดรายได้จะเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ Q2 จาก Backlog ประมาณ 1300 ลบ.(เฉพาะธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้า) ซึ่งจะรับรู้ใน Q2-Q4 ราว 600-700 ลบ. และอีก 600-700 ลบ. จะรับรู้ในปี 62 อีกทั้งยังมีการปรับปรุงต้นทุนในการเผาดิน ที่จากเดิมใช้ LPG เปลี่ยนมาเป็น Natural Gas ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายได้กว่า 20%  ทำให้คาดกำไรมีโอกาสเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้

หุ้นมีข่าว   

·           AIE Analyst Meeting ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันปาล์มดิบกำลังการกลั่น 1,150 ตันต่อวัน โรงกลั่นไบโอดีเซล (B100) กำลังการผลิต 8 แสนลิตรต่อวัน (รายได้หลักมาจากโรงกลั่นน้ำมันไบโอดีเซล ปัจจุบันใช้กำลังการผลิตราว 40-45%) และโรงกลั่นน้ำมันปาล์มเพื่อบริโภคกำลังการผลิต 3.5 แสนลิตรต่อวัน โดยอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงกลั่นกลีเซอลีนดิบเป็นกลีเซอลีน บริสุทธิ์กำลังกาผลิต 100 ตันต่อวัน(คาด COD 1Q62)

·           AIE รายงานกำไรปี 58 59 60 3M/60 และ 3M/61 ที่ -82.5 42.7 -72.3 -98.6 และ -6.2 ล้านบาทตามลำดับ โดยกำไรที่ผันผวนมาจากผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันไบโอดีเซล (B100) ที่ผันผวนตามราคาน้ำมันปาล์มดิบ โดยล่าสุดภาครัฐได้ออกมาตรการช่วยเหลือจากการปรับเพิ่มไบโอดีเซลจาก B7 เป็น B20 ในภาคขนส่ง และกำหนดราคาซื้อขั้นต่ำ (Floor) สำหรับราคาน้ำมันปาล์มดิบที่ 19 บาทต่อกิโลกรัม

·           จากที่ถูก SP ไปตั้งแต่ปี 58 จากเรื่องงบการเงิน ล่าสุดบริษัทได้จัดทำงบการเงินให้มีความถูกต้องและได้การรับรองจาก กลต. เป็นที่เรียบร้อยแล้วทำให้คาดว่าจะกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในเดือน ก.ค. 61 นี้ โดยฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการใน 2Q61 เนื่องจากกำไรของบริษัทมาจาก 2 ส่วนคือ 1) การใช้กำลังการกลั่นของโรงงานไบโอดีเซล และ 2) กำไร/ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันปาล์ม โดยเราคาดว่ากำไรจากการใช้กำลังการกลั่นจะปรับตัวดีขึ้นจากที่ภาครัฐปรับใช้น้ำมันไบโอดีเซลจาก B7 เป็น B20 ในภาคการขนส่ง ขณะที่ผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวลงหลังจากที่รัฐบาลกำหนดราคา Floor ของราคาน้ำมันปาล์มดิบที่ 19 บาทต่อลิตรส่งผลให้ผลกระทบจากขาดทุนสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามความเสี่ยงของบริษัทอยู่ที่อุปทานน้ำมันไบโอดีเซลยังคงมีกำลังการผลิตส่วนเกินจากความต้องการราว 1-1.5 ล้านลิตรต่อวัน และภาครัฐเป็นผู้กำหนดนโยบายสัดส่วนการใช้น้ำมันไบโอดีเซล

·           +PTTEP เผยเข้าถือหุ้นในโครงการบงกชเพิ่มเป็น 66.6667%หลังซื้อเพิ่ม 22.2222%จากกลุ่มเชลล์ หนุนช่วยเพิ่มปริมาณขาย

·           +BCP ส่งบริษัทลูกเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน OKEA มูลค่ารวม 3,760 ล้านบาท เสริมแกร่งธุรกิจปิโตรเลียมแห่งใหม่ในนอร์เวย์ มั่นใจปิดดีลได้ภายในปี 2561(ที่มา ข่าวหุ้น)   

-                         DTAC เร่งย้ายลูกค้า 2G ไป 3G/4G พร้อมเปลี่ยนมือถือ 2G เป็น 3G และ 4G ให้ลูกค้าฟรี หรือรับส่วนลดค่าเครื่องทันที สูงสุด 1,000 บาท รองรับก่อนหมดสัมปทานคลื่น 850-1800 MHZ (ที่มา ข่าวหุ้น)

·           + "อนันต์" ขอซื้อหุ้น LH เพิ่มอีก 10% ในราคาหุ้นละ 11.80 บาท วงเงินรวม 1.4 หมื่นล้านบาท หนุนถือหุ้นเพิ่มเป็น 33.93% จากเดิม  23.93% เตรียมขออนุมัติที่ประชุมผู้ถือหุ้น 7 ส.ค.นี้  พร้อมยกเว้นเทนเดอร์ฯ หุ้นทั้งหมด เนื่องจากไม่มีเจตนานำหุ้นออกจากตลท. ไม่มีแผนที่จะเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจหรือนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัท