'จีพีเอสซี' จ่อเพิ่มทุน 7.4 หมื่นล้าน หลังซื้อ 'โกลว์'

'จีพีเอสซี' จ่อเพิ่มทุน 7.4 หมื่นล้าน หลังซื้อ 'โกลว์'

"เติมชัย" เผย "จีพีเอสซี" เตรียมระดมทุนกว่า 2.1 แสนล้านบาท ซื้อหุ้น "โกลว์พลังงาน" ทั้ง 100% เผยอาจต้องเพิ่มทุนกว่า 7.4 หมื่นล้านบาท ตามแผนปรับโครงสร้างการเงิน

บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. อนุมัติซื้อหุ้น และทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW) โดยจะซื้อหุ้น GLOW จากผู้ขาย คือ Engie Global Developments B.V. ทั้งทางตรง และทางอ้อม จำนวนรวมทั้งสิ้น 1,010,976,033 หุ้น หรือคิดเป็น 69.11% ของหุ้นที่ออกจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ GLOW ในราคาซื้อขายหุ้นละ 96.5 บาท คิดเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 97,559 ล้านบาท โดยบริษัทได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับผู้ขายเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.2561

นายเติมชัย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ GPSC กล่าวว่า บริษัทพร้อมทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดของ GLOW จำนวน 451,889,002 หุ้น หรือ 30.89% ซึ่งคาดว่าจะปิดดีลภายในปี 2561 โดยบริษัทฯ จะได้รับประโยชน์จากการได้มาซึ่งฐานการผลิตที่มีศักยภาพและการขยายฐานลูกค้าในประเทศ สนับสนุนการเปิดโอกาสทางธุรกิจและขยายฐานกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม พร้อมนำ Synergy Platform เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาค

“การเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ นับเป็นการขยายธุรกิจที่สำคัญของGPSC ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง ด้วยกำลังการผลิตภายหลังควบรวมเพิ่มสูงขึ้นเป็น 4,835 เมกะวัตต์ บรรลุเป้าหมายการเติบโตในระยะยาวของบริษัทฯ ทั้งยังเพิ่มขีดความสามารถจากการขยายฐานลูกค้าสู่อุตสาหกรรมอื่น นอกจากลูกค้ากลุ่ม ปตท.และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งตอบโจทย์การเติบโตตามแผนกลยุทธ์ของบริษัทฯจากสัดส่วนโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ที่เพิ่มมากขึ้น บริษัทฯ เชื่อว่าโรงไฟฟ้า SPP เป็นหัวใจสำคัญของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญและจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ” นายเติมชัย กล่าว

นอกจากนี้ การที่โรงไฟฟ้าและโครงข่ายของ GPSC อยู่บริเวณใกล้เคียงกับของ GLOW บริษัทจึงคาดว่าจะได้ประโยชน์จาก Operational Synergy ในการบริหารโรงไฟฟ้าและโครงข่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและเพิ่มเสถียรภาพของการจ่ายไฟฟ้าและไอน้ำของบริษัทฯ ด้วยความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีชั้นนำของทั้งสองบริษัท เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น

สำหรับแหล่งเงินทุนทั้งหมดในการซื้อกิจการครั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้ใช้เงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินและ/หรือผู้ถือหุ้นใหญ่ และภายหลังจากนั้น GPSC มีแผนทางการเงินสำหรับชำระเงินกู้ยืมระยะสั้นเพื่อปรับโครงสร้างเงินทุน โดยคาดว่าจะออกหุ้นกู้ และ/หรือเงินกู้ระยะยาวจากสถาบันการเงิน ในสัดส่วนประมาณกึ่งหนึ่งของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด และส่วนที่เหลือจะเป็นการเพิ่มส่วนทุนของบริษัทฯ

ทั้งนี้บริษัทจะ จะกู้เงินไม่เกิน 1.42 แสนล้านบาท จากสถาบันการเงินและออกหุ้นกู้ ไม่เกิน 6.85 หมื่นล้านบาท และเบื้องต้นอาจจะพิจารณาเพิ่มทุน 7.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมีการขอมติผู้ถือหุ้นภายในเดือนเม.ย.2562 โดยการเพิ่มทุนเพื่อเป็นการปรับโครงสร้างทุน
“นับเป็นโอกาสสำคัญของGPSC ที่ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น กับ Engie Global Developments B.V. การเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้จะสนับสนุนให้บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สามารถส่งมอบพลังงานที่มีเสถียรภาพ ผนวกกับการสร้างนวัตกรรมในธุรกิจไฟฟ้า โดยนำจุดแข็งของทั้งสองบริษัทมาเสริมความแข็งแกร่งด้วยoperational synergy เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดในการบริหารความมั่นคงทางพลังงาน และความสามารถในการแข่งขัน ที่จะทำให้บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระดับภูมิภาค ซึ่ง GPSC มีความมุ่งมั่นในการเป็นบริษัทผลิตไฟฟ้าชั้นนำ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายได้ในอนาคต”นายเติมชัย กล่าว

ด้านบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ GPSC ทั้งทางตรงและทางอ้อมผ่านบริษัทยไทยออยล์เพาเวอร์ จำกัด แจ้ว่าที่ประชุมคณะกรรมการของทั้ง 2 บริษัทเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.2561 มีมติสนับสนุนการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าวของ GPSC
เช่นเดียวกับคณะกรรมการบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ GPSC ได้มีมติสนับสนุนการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าวของ GPSC เช่นกัน