'เกษตรฯ' ยันผู้ปลูกสับปะรดได้รับการช่วยเหลือ จากรัฐไม่มีใครทิ้ง

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.61 นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมสหกรณ์ กับภาคเอกชน ขยายผลเพิ่มปริมาณรับซื้อข้าวหอมมะลิแท้ 100 เปอร์เซนส์ จำนวน 7 พันตันและข้าวไรส์เบอร์รี่ บรรจุถุง รวม 2 พันตัน จากชาวนาโดยตรงในรูปแบบสหกรณ์ 4 จังหวัดภาคอีสาน โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางและโรงสีเอกชน ว่า ข้าวถือเป็นพืชเศรษฐกิจหลัก แต่ช่วงสองสามปีที่ผ่านมามีปัญหาราคาตกต่ำจากปริมาณล้นตลาด เป็นที่ยินดีที่เอกชน มาซื้อโดยตรงจากชาวนา นอกจากนี้ในปัญหากุ้งขาวแวนาไมราคาต่ำ ก็ได้รับความมือจากเอกชน ไปรับซื้อถึงแหล่งผลิตทำให้ช่วยยกระดับราคาได้

รมว.เกษตรฯยังกล่าวถึงการขยายโครงการเกษตรแปลงใหญ่จาก 3.8 พันแปลง ในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มให้ถึง 6 พันแปลง ซึ่งนาข้าวแปลงใหญ่ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมากเพราะเกษตรกรเห็นผลดีของการร่วมกลุ่มสามารถลดต้นทุนการผลิตได้จริง ขณะนี้ชาวนามีทัศนคติเปลี่ยนไปเริ่มเห็นประโยชน์จากเดิมที่ต่างคนต่างทำ ตนกำลังคิดโมเดลจับคู่ค้าเพื่อการันตี ราคาผลผลิตแปลงใหญ่ ไม่ต่ำกว่าต้นทุน และมีประกันภัยพืชผล จากภัยพิบัติจะได้รับชดเชยเท่ากับต้นทุน ซึ่งเป็นการใช้หลักการตลาดนำการผลิต จูงใจเกษตรกร และจะนำไปลดปลูกข้าวนาปรังรอบสองในช่วงเดือนพ.ย.นี้ จาก 12 ล้านไร่ให้เหลือครึ่งเดียวเพื่อหันมาปลูกพืชอื่นแทน เช่นข้าวโพด มันสำประหลัง หรือเลี้ยงสัตว์

โดยวันที่ 19 มิ.ย.มอบหมายนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ ปลัดกระทรวงเกษตรฯไปหารือกับปลัดกระทรวงพาณิชย์ วางมาตรการยกระดับดูแลการผลิตภาคเกษตรครบวงจร มีการสำรวจความต้องการใช้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และมาวางแผนการผลิต เช่นเดียวกับแผนข้าวครบวงจร จะเริ่มแผนการผลิตข้าวโพด ให้ปลูกมากขึ้นเพราะในประเทศยังไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ 3.5 ล้านตัน ส่วนผลไม้ วางระบบผลิตไม่ให้ล้นตลาด ทั้งนี้ปัญหาสัปปะรดล้นตลาด มีราคาตกต่ำ ตนได้ประสานรมว.กระทรวงอุตสาหกรรม ให้โรงงานเพิ่มการรับซื้อให้มากขึ้น และกระทรวงพาณิชย์ ได้ใช้เงิน คชก. ไปช่วยกระจายผลผลิตด้วย

อย่างไรก็ตามกรณีโซเซียลเผยแพร่คลิปเกษตรกรนำสัปปะรดมาเททิ้ง ได้โทรศัพท์สอบถามนายกสมาคมสับปะรดภาคตะวันออก จ.ระยอง ได้รับคำยืนยันว่าพื้นที่ปลูกสัปปะรดแหล่งใหญ่ของประเทศ ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มีการขนไปทิ้งแต่อย่างใด