'ดีเอสไอ' ยันมีอำนาจเต็มจับแก้วปลอม ชี้เสียหาย 60 ล้าน

'ดีเอสไอ' ยันมีอำนาจเต็มจับแก้วปลอม ชี้เสียหาย 60 ล้าน

ลั่นเสียหาย 60 ล้าน "ดีเอสไอ" ออกแถลงการณ์ชี้แจงสื่อมวลชน ยันมีอำนาจจับแก้วปลอม ซึ่งเป็นสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ชี้แจงการจับสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กรณีแก้วน้ำปลอมเครื่องหมายการค้าและละเมิดลิขสิทธิ์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาของดีเอสไอ ว่า การกระทำความผิดอาญาเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา อันประกอบด้วย ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร และเครื่องหมายการค้า เป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย ที่มีความรุนแรงต่อเนื่องยาวนาน ส่งผลให้ประเทศไทยตกเป็นประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (PWL) ของประเทศสหรัฐอเมริกา และมีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ทางการค้าของประเทศในด้านต่างๆ

ต่อมา เมื่อมีการจัดตั้งดีเอสไอ พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ได้กำหนดให้ความผิดในเรื่องดังกล่าว ที่มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจและการคลังของประเทศ หรือที่กระทำเป็นลักษณะอาชญากรรมข้ามชาติ องค์กรอาชญากรรม รวมถึงที่มีผู้มีอิทธิพลที่สำคัญอยู่เบื้องหลังการกระทำผิด เป็นคดีพิเศษ โดยดีเอสไอได้เข้าร่วมเป็นคณะอนุกรรมการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ

2_2

ดีเอสไอได้มีการปราบปรามจับกุมการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นคดีพิเศษอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับองค์กรเอกชนหลายองค์กร รวมถึงผู้แทนผู้เสียหายทั้งในและต่างประเทศ จนเมื่อ พ.ศ. 2560 ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ปลดประเทศไทยพ้นจากประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ เป็นประเทศที่ต้องจับตามอง (WL) ทำให้ได้รับสิทธิประโยชน์หลายประการเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการให้ความสำคัญในการป้องกันและปราบปรามความผิดประเภทนี้อย่างต่อเนื่องของทุกฝ่าย และดีเอสไอยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายในเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจังและต่อเนื่อง

เอกสารแถลงข่าวระบุว่า การปราบปรามจับกุมสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาตามที่เป็นข่าว มีมูลค่าความเสียหาย หากคำนวณตามมูลค่าสินค้าแท้ เป็นเงินกว่า 60 ล้านบาท จึงอยู่ในข่ายที่ดีเอสไอต้องดำเนินการตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติงานของดีเอสไอและมีการตั้งข้อสังเกต ทำให้ดีเอสไอได้มีโอกาสชี้แจงอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของหน่วยงาน อันจะทำให้สาธารณชนที่ติดตามข่าวสารได้ทราบและเข้าใจบทบาทและภารกิจของกรมสอบสวนคดีพิเศษเกี่ยวกับงานละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาดียิ่งขึ้น

สำหรับประเด็นข้อเสนอแนะที่ให้ดีเอสไอเร่งทำคดีพิเศษอื่นๆ นั้น ขอชี้แจงว่า กรมมีการเร่งรัดดำเนินการในทุกคดี โดยมีคณะกรรมการระดับกรมกำกับติดตาม และต้องรายงานข้อมูลด้านคดีต่อคณะกรรมการคดีพิเศษด้วย เพียงแต่ที่ผ่านมา กรมไม่ได้มีการเสนอข่าวต่อสาธารณชน ซึ่งนับจนถึงปัจจุบัน ดีเอสไอมีการสืบสวนคดีพิเศษเสร็จสิ้นไปแล้วกว่า 2,500 คดี