สนช.ห่วงยุทธศาสตร์ชาติ ผูกปมปัญหากับหน่วยงานรัฐ-ฝ่ายการเมือง ติงเขียนสาระให้พอเหมาะ อย่าตึงจนปฏิบัติไม่ได้
ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน 1 คณะ ก่อนลงมติเห็นชอบต่อร่างยุทธศาสตร์ชาติ ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอ
หลังจากที่ตัวแทนของรัฐบาล และตัวแทนคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติด้านต่าๆ ชี้แจงเนื้อหา โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฐานะตัวแทนรัฐบาล ชี้แจงต่อเนื้อหาร่างยุทธศาสตร์ชาติภาพรวมว่า เป็นแผนซึ่งเป็นเป้าหมายของประเทศ ที่ส่งผลดีด้านการตัดสินใจลงทุน อย่างรก็ตามที่ผ่านมาประเทศไทยมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระยะ 3 ปี หรือ 5 ปี เพื่อให้แก้ไข หรือปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ และแนวทางของรัฐบาล แต่พบปัญหาคือไม่ตอบโจทย์การลงทุนระยะยาวได้ ดังนั้นร่างยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปีจะเป็นผลดี ทั้งนี้ในเนื้อหาที่วางเป็นแนวทาง สามารถแก้ไขและปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยกำหนดช่วงให้แก้ไขได้ในระยะ 5 ปี
นายวิษณุ กล่าวด้วยว่าสำหรับร่างยุทธศาสตร์ชาติ มีผลผูกพัน 5 ประการ คือ 1.นโยบายรัฐบาลที่ต้องแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา, 2.ผูกพันแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 3.แผนชาติด้านต่างๆ อาทิ ด้านความมั่นคง, ด้านการศึกษา, ด้านวัฒนธรรม เป็นต้น, 4.งบประมาณรายจ่ายประจำปี และ 5.การปฏิรูปประเทศ ทั้งนี้แผนยุทธศาสตร์ชาติเมื่อได้รับความเห็นชอบ ยังมีสิ่งที่ต้องปฏิบัติเพื่อให้แผนเดินหน้าได้ คือ การกำหนดแผนแม่บทยุทธศาสตร์ชาติ ที่คาดว่าจะใช้เวลา 2 เดือนจากนั้นต้องนำเสนอสภา พิจารณาและให้ความเห็นชอบ และ การกำหนดแผนปฏิบัติที่หน่วยงาน หรือ กระทรวงที่เกี่ยวข้องข้องกำหนด
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าในร่างยุทธศาสตร์ทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ ด้านความมั่นคง, ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน, ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์, ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม, ด้านการเติบโตบนคุณภาพชีวิตี่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ การปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ มีตัวแทนชี้แจงสาระสำคัญ โดยย้ำถึงโจทย์ที่เป็นวิสัยทัศน์ประเทศ คือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์, สังคมเท่าเทียม เสมอภาค, หน่วยงานรัฐมีประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการ รวมถึงคนไทยกินดีมีสุข มีความสามารถด้านการแข่งขันการค้า การกระจายรายได้ รวมถึงมีทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ตามแผนที่ชี้แจงดังกล่าวถูกท้วงติงจาก สนช. ที่เนื้อหายังขาดความชัดเจนต่อภาระกิจตามเป้าหมาย พร้อมเสนอข้อทักท้วงต่อการทำแผนแม่บท แผนปฏิบัติการ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่าต้องไม่ใช่การสร้างเงื่อนไขที่ผูกมัดจนกลายเป็นปัญหาต่อการปฏิบัติของหน่วยงานหรือรัฐบาลในอนาคต
โดย พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร สนช. ฐานะประธานคณะทำงานศึกษาแผนยุทธศาสตร์ชาติล่วงหน้า กล่าวถึงผลศึกษาเบื้องต้น ว่า อยากให้เพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับความมั่นคงทางด้านจิตใจในรายละเอียด้านต่างๆ นอกจากนั้นคือต้องการให้นำแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการที่เตรียมเขียนรายละเอียดเข้าสู่ สนช. อีกรอบเพื่อให้ความมั่นใจว่าข้อเสนอจาก สนช. ถูกบรรจุในแผนดังกล่าวอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามร่างยุทธศาสตร์ชาติเป็นการเขียนโดยเจตนารมณ์ของผู้เขียน แต่ยังมีกรอบทำงานที่กว้างเกินไป ดังนั้นผลอาจไม่เป็นไปตามที่ต้องการ จึงมีข้อเสนอให้นำโครงการที่เป็นภารกิจหลัก ทีคาดว่าจะมีความสำเร็จ ร้อยละ 60 เขียนในร่างยุทธศาสตร์
แผนแม่บทจำเป็นต้องทำโดยเร็ว โดย 2 เดือนถือว่าเหมาะสม และเมื่อทำเสร็จต้องเผยแพร่และสร้างความเข้าใจกับข้าราชการอันดับแรก ต่อด้วยเผยแพร่ต่อสาธารณะเพื่อให้เกิดการบูรณาการทำงาน พร้อมกับปักเป้าหมายให้ชัดเจนร่วมกัน นอกจากนั้นร่างยุทธศาสตร์ชาติควรแก้ไขและปรับปรุงได้ ตั้งแต่ในชั้นของ สนช. และเวลาที่ยังเหลืออีก 20 วันก่อนครบกำหนด ควรตั้งกมธ.พิจารณา ซึ่งมีตัวแทนของกมธ.สามัญ ประจำสนช. พิจารณาให้ความเห็น พล.อ.วรพงษ์ กล่าว
ขณะที่ นายสนิท อักษรแก้ว สนช. อภิปรายถึงยุทธศาสตร์ด้านที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่าควรเพิ่มเติมบางประเด็นที่สอดคล้องกับกติกาสากล หรือสนธิสัญญาที่ประเทศไทยลงนามร่วมกับนานาชาติ และควรทำเนื้อหาให้มีความยืดหยุ่น เพื่อไม่ให้เป็นข้อจำกัดของการปฏิบัติในรัฐบาลชุดหน้า ที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดรัฐธรรมนูญได้
ด้าน นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ สนช. อภิปรายด้วยว่าร่างแผนยุทธศาสตร์ชาติควรทำให้มีความเหมาะสม ไม่ให้แผนยุทธศาสตร์เกิดผลลบ โดยไม่ลงรายละเอียดมากเกินไป หรือ ขาดรายละเอียด เพราะจะเป็นผลกระทบต่อผู้ปฏิบัติงาน เนื่องจากหากขาดรายละเอียด หน่วยงานปฏิบัติอาจทำงานแบบสบาย ขณะที่การลงรายละเอียดมากเกินไป หน่วยงานผู้ปฏิบัติงานต้องถูกยื่นเรื่องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และ สภาฯ ต้องตรวจสอบ ดังนั้นภาระงานจะตกอยู่กับ ป.ป.ช. และ รัฐสภา
ส่วนนายกล้าณรงค์ จันทิก สนช. อภิปรายในข้อเสนอต่อการออกกฎหมายตามแผนยุทธศาสตร์ชาติและรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง ว่า ต้องไม่ทำให้กลายเป็นภาระหรือดาบสองคมสำหรับผู้ปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ตนเข้าใจว่ายุทธศาสตร์ชาติเป็นเรื่องนามธรรมที่ต้องออกเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ และเพื่อให้การปฏิบัติไปสู่รูปธรรมจำเป็นต้องออกแบบแผนงานและโครงการ ดังนั้นต้องพิจารณาเนื้อหาให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดความลำบากกับฝ่ายใด
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าหลังจากที่ได้พิจารณาวาระดังกล่าวนาน 4 ชั่วโมง ที่ประชุมได้ตั้งคณะกมธ. วิสามัญ พิจารณาศึกษาร่างยุทธศาสตร์ชาติ จำนวน 38 คน และให้เวลาศึกษา ภายใน 22 วัน นับจากวันที่ 15 มิถุนายน ทั้งนี้ต้องศึกษาให้แล้วเสร็จและส่งกลับเข้าสู่ สนช. เพื่อให้ความเห็นชอบ ก่อนวันที่ 7 กรกฎาคม นี้.