ตร.รวบชาวเวียดนาม แก๊งกรีดกระเป๋านักท่องเที่ยว

ตร.รวบชาวเวียดนาม แก๊งกรีดกระเป๋านักท่องเที่ยว

"สุรเชษฐ์" รวบแก๊งกรีดกระเป๋าชาวเวียดนาม อยู่ไทยนาน 30 ปีได้เงินไม่ต่ำกว่าหมื่น-ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ด้านตม.เตรียมจัดระบบ "ไบโอแมทริกซ์" ตรวจสอบอัตลักษณ์ทางกายภาพ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 มิถุนายน 2561 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว แถลงผลการขยายผลจับกุมแก๊งชาวเวียดนาม ก่อเหตุกรีดกระเป๋านักท่องเที่ยว ในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ อาทิ ห้างสรรพสินค้าต่างๆ สนามหลวง พระบรมมหาราชวัง ท่าน้ำ ฯลฯ หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาแก๊งดังกล่าวได้ 2 ราย คือ นางเหงียน ที เหย อายุ 52 ปี เป็นหัวหน้าแก๊ง และนางสาวเล ตี ตู เฮียน อายุ 34 ปี สัญชาติเวียดนาม พร้อมกันนี้ได้คุมตัวชาวเวียดนามได้ที่แฟลตดินแดง จำนวน 15 ราย มาสอบปากคำที่สำนักงานตำรวจแห่ง เพื่อมาทำประวัติ เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ เนื่องจากข้อมูลการสืบสวนทราบว่าชาวเวียดนาม 15 รายนี้มีความเชื่อมโยงกับผู้ต้องหา 2 รายที่จับได้

รองผบช.ทท. กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามีชาวเวียดนามบางรายใช้พาสปอร์ตปลอม มีการเปลี่ยนชื่อ นามสกุล และมี 3 ราย อยู่ในราชอาณาจักรไทยเกินที่กฎหมายกำหนด หรือ“โอเวอร์สเตย์” นอกจากนี้ยังพบว่าชาวเวียดนามกลุ่มดังกล่าวไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง และบางรายเข้ามาอยู่ในไทยนานถึง 30 ปี

“สำหรับพฤติการณ์ก่อเหตุแก๊งชาวเวียดนามกรีดกระเป๋า แก๊งนี้จะทำเป็นขบวนการ กระจายตามจุดต่างๆ มีหลายวิธี อาทิ เอาใบมีดโกนซ่อนไว้ในปาก มีอีกคนทำให้เหยื่อสนใจ อีกคนเป็นคนรับทรัพย์สิน โดยแก๊งดังกล่าวมีการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ได้ทรัพย์สินครั้งละประมาณ 1 หมื่นบาทขึ้นไป หลังได้ทรัพย์สินจะเอาทรัพย์สินไปขายยังประเทศเวียดนาม คนร้ายบางรายถูกจับกุมไปหลายครั้ง และถูกผลักดันออกนอกประเทศไปแล้ว แต่กลับไปเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนหนังสือเดินทาง ก่อนจะกลับมาก่อเหตุในประเทศไทย โดยใช้ช่องทางปกติ” รองผบช.ทท.

อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เตรียมจัดทำระบบไบโอแมทริกซ์ที่สามารถตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลทางกายภาพ ทางม่านตา ลายนิ้วมือ และใบหน้า หากพบว่ามีคนร้ายที่เคยก่อเหตุในประเทศไทยกลับเข้ามาในประเทศอีกครั้ง จะกักตัวมาตรวจสอบให้ละเอียดถี่ถ้วน นอกจากนี้ยังดำเนินคดีกับเจ้าของแฟลต ในข้อหาให้ที่พักพิงกับชาวต่างด้าว โดยไม่แจ้งให้ ตม. ทราบภายใน 24 ชั่วโมง

ส่วนการดำเนินคดี ขณะนี้ประสานกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของแก๊งดังกล่าว และประสานไปยังตำรวจประเทศต้นทาง ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่รับเงินจากการลักทรัพย์ในประเทศต้นทางด้วยเช่นกัน