MORNING CALL ACTION NOTES (15 มิ.ย.61)

MORNING CALL ACTION NOTES (15 มิ.ย.61)

ECB ประกาศเลิก QE

SET Index วานนี้ปรับตัวลงต่อเนื่องหลังจากที่ FED มีมติขึ้นดอกเบี้ยและส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก 2 ครั้งในปีนี้  ซึ่งหนุนให้ Fund flow ไหลออก ขณะที่ยังมีการฟื้นตัวท้ายตลาดฯ โดยกลุ่มกดดันหลักคือ CONMAT PETRO และ PROP แต่ยังมีปัจจัยหนุนเฉพาะตัวจากกระแสข่าวหุ้นโรงไฟฟ้าที่มีโอกาสเข้าซื้อกิจการผู้ประกอบการที่มีขนาดใกล้เคียงกัน โดยรวม SET Index ปิดที่ 1,709.86 จุด (-8.48 จุด) Volume 5.97 หมื่นลบ. มาจาก Foreign Net -9,643.35 ลบ.  TFEX Net -979 สัญญา ตราสารหนี้ -1,983.56 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย  

+น้ำมันดิบปิดบวก เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลงมากกว่าคาดการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

+ยอดค้าปลีกพุ่งสหรัฐขึ้น 0.8% และจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 218,000 ราย และดัชนีราคานำเข้าสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ค. โดยดีดตัวขึ้น 0.6%

+กกร.เล็งปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ GDP-ส่งออกปีนี้ ตามแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลกซึ่งมีแนวโน้มดี และน่าจะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

-ดาวโจนส์ปิดขยับลงโดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

-ECB ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0% และจะตรึงไปจนถึงปีหน้า ขณะส่งสัญญาณยุติมาตรการ QE สิ้นปีนี้อย่างไรก็ตาม ECB หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้สู่ระดับ 2.1% จาก 2.4% ขณะเพิ่มตัวเลขเงินเฟ้อสู่ 1.7% จาก 1.4%

- ปธน.ทรัมป์อนุมัติมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอัตรา 25% วงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ เตรียมเปิดเผยรายชื่อในวันที่ 15 มิ.ย.นี้

+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 1.55 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท32.34 บาท/US

** จับตามติที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ภาวะตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากตลาดหุ้นตปท.ปรับลดลงหลัง ECB ประกาศยุติมาตรการ QE ในปลายปีนี้ ความกังวลสงครามการค้าโลก และวานนี้ fund flow ไหลออกก้อนใหญ่ แม้มีปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันปิดบวกและตัวเลขศก.สหรัฐที่ออกมาดีแต่มีน้ำหนักน้อย คาดดัชนีอ่อนตัวลงในกรอบ 1,695-1,715 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- กลุ่มส่งออก ค่าเงินบาทอ่อนค่าสู่ 32.34 บาท/US

- CPALL ADVANC CPN EA GPSC TVO มีโอกาสทำ Window dressing

- GOLD GULF MBK THG เข้าคำนวณ FTSE SET Mid Cap Index มีผล 18 มิ.ย.

- หุ้นที่ Laggard ดัชนี CPF CK STEC UNIQ

- JUBILE ATP30 AGE XO SSP TPCH หุ้น MAI ที่คาดว่ากำไรปี 61 เติบโต

- BANPU ราคาถ่านหินทรงตัวในระดับสูง 115.5$/Ton

หุ้นแนะนำพิเศษ

NFC Analyst Meeting (ราคาปิดล่าสุด 1.36) แนะนำ wait&See

  • กลับมาเทรดในวันนี้หลังมีฐานะการเงินเข้าข่ายถูกเพิกถอนจากการขาดทุนอย่างหนักในธุรกิจปุ๋ยเคมีในปี 46 ที่เป็นผลจากการใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว  การกลับมาซื้อขายในครั้งนี้ NFC เปลี่ยนรูปแบบธุรกิจมาเป็นธุรกิจเทรดดิ้งเคมีภัณฑ์ (แอมโมเนีย แอมโมเนียไฮดรอกไซด์ และกรดกำมะถัน) และให้บริการโลจิสติกส์ คลังเก็บสินค้า และ บริการท่าเทียบเรือที่นิคมฯมาบตาพุด  โครงสร้างรายได้หลักกว่า 90% มาจากธุรกิจเทรดดิ้งเคมีภัณฑ์ และอีก 10% เป็นธุรกิจบริการ ในช่วง 1Q61 รายได้รวม 308  ลบ. เติบโต +5%YoY -0.03%QoQ กำไรสุทธิ 26 ลบ. ลดลง -42%YoY  -79.73%QoQ จากปัญหาราคาน้ำมันที่เป็นต้นทุนขายปรับตัวสูงขึ้น
  • ปัจจุบันคลังสินค้าหลักตั้งอยู่ในนิคมฯมาบตาพุด เนื้อที่ราว 560ไร่ เหลือพื้นที่ใช้สอยกว่า 400ไร่ ซึ่งจะเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ (Key Driver) ในอนาคต ผู้บริหารวางแผนโครงการลงทุนโดยเน้นไปทางธุรกิจโลจิสติกส์ (กระจายสินค้า) รวมถึงให้บริการคลังสินค้าเพิ่มมากขึ้นโดยอยู่ระหว่างศึกษาคลังสินค้าเหลว เนื่องจากทำเลที่ตั้งมีความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์สามารถกระจายสินค้าได้ทั้งทางถนน ทางรถไฟ และทางท่อ โครงการ EEC เป็นโอกาสในการเติบโตในอนาคต ผู้บริหารคาดว่าโครงสร้างรายได้ในอนาคตจะเปลี่ยนจากเดิม เทรดดิ้ง 90% ให้บริการ 10% มาเป็น ให้บริการ 90% และเทรดดิ้ง 10%  ซึ่งจะเริ่มเห็นภาพชัดขึ้นในปี 62 และเป็นรูปเป็นร่างในปี 65
  • แนวโน้มปี 61 เนื่องจากปัจจุบันยังคงพึ่งพาธุรกิจเทรดดิ้งเคมีภัณฑ์เป็นหลัก และอาศัยกำลังซื้อจากผู้บริโภคซึ่งมีแนวโน้มเติบโตไม่ต่างจากปีที่แล้วมากนัก ดังนั้น คาดว่ารายได้รวมของบริษัทน่าจะใกล้เคียงกับปี 60 ที่ 1,130 ลบ.
  • + MAJOR วางเป้าปีนี้ยอดขายตั๋วหนังพุ่ง 34 ล้านใบ ล่าสุดเปิดตัว Movie On Demand เอาใจคอหนังที่พลาดรอบฉาย สามารถโหวตให้กลับมาฉายใหม่ได้ จ่อรันวันที่ 18 มิ.ย.นี้ ตั้งเป้า 6 เดือนแรกโกยยอดขายตั๋วหนัง 1 ล้านใบ (ที่มา ข่าวหุ้น)
  • + IVL ร่วมทุน Dhunseri จากอินเดีย สัดส่วน 50:50 เพื่อเข้าซื้อกิจการรง. PET ในอียิปต์ บริษัท Egyptian Indian Polyester Company S.A.E. (EIPET) ที่เข้าซื้อมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 540,000 ตัน/ปี เป็นหนึ่งในผู้ผลิต PET ที่ใหญ่ที่สุดในแถบตะวันออกกลางและทวีปแอฟริกา โดย EIPET ตั้งอยู่ในยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมในเขตการค้าเสรี Ain Sokhna ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอ่าวสุเอซ (Gulf of Suez) ซึ่งมีข้อได้เปรียบด้านการขนส่งสำหรับการจัดหาวัตถุดิบและการส่งสินค้าสำเร็จรูปออกไปยังตลาดที่สำคัญต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ (ที่มา อินโฟเควสท์)

หุ้นมีข่าว   

·        DTAC (ราคาปิด 49.25 บาท Bloomberg Consensus 53.5 บาท) แจ้งว่าบริษัทฯจะไม่เข้าร่วมประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz ที่ กสทช. เปิดให้ยื่นประมูลใบอนุญาตในวันที่ 15 มิ.ย.61 เนื่องจากมองว่าหลักเกณฑ์และวิธีการประมูลครั้งนี้ไม่เอื้อประโยชน์ให้บริษัท อีกทั้ง DTAC ยังมีปริมาณคลื่นมากพอที่จะรองรับการใช้งาน data ที่เติบโตขึ้นในอนาคต และยังมีปริมาณคลื่นความถี่ที่จะให้บริการต่อจำนวนลูกค้ามากกว่าผู้ประกอบการรายอื่น (จำนวนคลื่นเฉลี่ย 2.75 MHz ต่อจำนวนลูกค้า 1 ล้านราย ในขณะผู้ให้บริการรายอื่นมีจำนวน 1.37 MHz และ 1.99 MHz) โดยภายหลังหมดอายุสัมปทานคลื่อนความถี่ 1800 Mhz ในวันที่ 15 ก.ย. 61 ทาง DTAC ได้มีการเตรียมมาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการร่วมกับ CAT แล้ว (ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์)

·        ความเห็น ประเด็นดังกล่าว เป็นผลให้เหลือการเคลื่อนไหวที่ต้องติดตามจากผู้ประกอบการรายสุดท้าย คือ ADVANC ว่าจะมีการเข้าร่วมการประมูลหรือไม่ โดยมีกำหนดการประชุมบอร์ดในเช้าวันนี้ เวลา 7.00 น. หาก ADVANC เข้าร่วมการประมูล และยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากผู้ประกอบการอีก 2 ราย จนถึงสิ้นเดือน มิ.ย. 61 จะทำให้ กสทช.ยืดระยะเวลาไปอีก 30 วัน ก่อนที่จะเริ่มการประมูล คาดเป็น Neutral ต่อ DTAC เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีคลื่นในมือเพียงพอแล้ว ส่วนกรณีที่ 2 หาก ADVANC ไม่เข้าร่วมประมูลคาดเป็น “ผลบวก” ต่อ DTAC เนื่องจาก กสทช.จะต้องมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การประมูลใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเอื้อประโยชน์ต่อ DTAC มากขึ้น โดยรวมจึงแนะนำให้ติดตามการตัดสินใจของ ADVANC ก่อน และ “หาจังหวะซื้อเก็งกำไร” หากผลลัพธ์เกิดในกรณีหลัง Bloomberg Consensus ประเมินราคาเหมาะสม DTAC อยู่ที่ 53.5 บาท-BTS ส่อเลื่อนเปิดบริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ แบริ่ง-สมุทรปราการ หลังคุยกับกทม.ยืดเยื้อ ล่าสุดยังไม่ชัดเจน วงในเผยหาก “รฟม.” ลุยเอง BTS อาจต้องยุติการติดตั้งระบบชั่วคราวจนกว่าการเจรจาร่วมทุนจะจบ (ที่มา ข่าวหุ้น)

·        + GPSC เล็งเข้าซื้อหุ้น GLOW ไม่ต่ำกว่า 69% จากกลุ่ม "เอ็นจี โฮลดิ้ง" ผู้ถือหุ้นใหญ่ คาดใช้เงิน 9.1-9.6 หมื่นล้านบาท เสริมแกร่งธุรกิจโรงไฟฟ้าหนุนกำลังการผลิตโตเท่าตัว ดันมาร์เก็ตแคปทะลุ 2.5 แสนล้านบาท ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของประเทศ แย้มดึง PTT ร่วมวงซื้อหุ้นด้วย(ที่มาทันหุ้น)   

·        ความเห็น หาก GPSC ซื้อ GLOW จะเป็นการซื้อแบบLeverage Buyout คือการกู้เงินมาซื้อกิจการซึ่งเราคาดว่า GPSC สามารถกู้เงินราว 9 หมื่นล้านบาทได้เพราะปัจจุบัน D/E Ratio อยู่ในระดับต่ำเพียง 0.5 เท่า (หากการกู้ยืมสำเร็จจะทำให้ D/E ปรับตัวขึ้นสู่ 2.5 เท่า) โดยเรามีมุมมองบวกต่อการซื้อกิจการของ GLOW เนื่องจากคาดว่าดอกเบี้ยเงินกู้ของ GPSC จะอยู่ที่ราว 3.5-4.5 พันล้านบาทต่อปี(ประเมินอัตราดอกเบี้ย 4-5%ต่อปี) ซึ่งต่ำกว่ากำไรและ EBITDA GLOW ได้จากการดำเนินธุรกิจที่ราว 6 พันล้านบาทต่อปี (คิดสัดส่วน 69%) และ 9 พันล้านบาทต่อปีตามลำดับจึงจะเป็นผลบวกต่อ GPSC ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

·        ประเด็นบวกหุ้นกลุ่ม Finance : กระทรวงการคลังเลื่อนใช้ พ.ร.บ.ควบคุมนอนแบงก์ รอรัฐบาลใหม่เข้ามาตัดสินใจ จับตาหุ้น SAWAD-MTC เจ้าใหญ่ตีปีก หลังปัจจัยนี้กดดันราคาหุ้นร่วงกว่า 22% และ 11% ในช่วงเกือบ 3 เดือนที่ผ่านมา ยืนยันปีนี้ยังไม่มีหน่วยงานใหม่มาคุมดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม  (ที่มา ข่าวหุ้น)