สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดหนุนราคาปิดปรับตัวขึ้น

สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดหนุนราคาปิดปรับตัวขึ้น

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส ปิดตลาดวันพุธ (13มิ.ย.)ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวขึ้น หลังจากร่วงลงต่ำกว่าระดับ 66 ดอลลาร์ในช่วงแรก ก่อนการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาดไนเม็กซ์ บวก 28 เซนต์ ปิดที่ราคา 66.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวขึ้น 87 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ราคา 76.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 4.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลงเพียง 2.7 ล้านบาร์เรล

ด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (เอพีไอ) ระบุก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 830,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว  ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 443,000 บาร์เรล

ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล

อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันยังคงถูกกดดันจากการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐ และการคาดการณ์ที่ว่า ซาอุดิอาระเบีย และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) รวมทั้งรัสเซีย จะเสนอปรับเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมวันที่ 22 มิ.ย. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน มีมติขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.8 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน

แหล่งข่าวระบุว่า รัสเซียจะเสนอในการประชุมดังกล่าวให้กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันหันมาใช้โควตาการผลิตเดิมที่กำหนดไว้ในเดือนต.ค.2559

ขณะที่เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 1 แท่น สู่ระดับ 862 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2558

สหรัฐเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันสูงเป็นประวัติการณ์ โดยแตะระดับ 10.8 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 28% ในช่วงเวลาเพียง 2 ปี

สำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) ได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ โดยคาดว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันมากกว่า 120,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 11.17 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งจะทำให้สหรัฐแซงหน้ารัสเซียกลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก ขณะที่สหรัฐสามารถผลิตน้ำมันได้มากกว่าซาอุดิอาระเบียในปีที่แล้ว