มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 เบนซิน “สปอร์ต กับ นุ่ม” อยู่ด้วยกันได้
ซีเอ็กซ์-5 เป็นอีกรุ่นขายดีของมาสด้า มี 2 เครื่องยนต์ให้เลือกทั้ง เบนซิน และดีเซล มีทั้งขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ โดยขับเคลื่อน 4 ล้อ มีเฉพาะในรุ่นท็อปเครื่องยนต์ดีเซล
ราคาเริ่มที่รุ่นเบนซิน 2.0C 1.29 ล้านบาท 2.0S 1.4 ล้านบาท และ 2.0SP 1.53 ล้านบาท ส่วนดีเซล เริ่มที่ XD 1.56 ล้านบาท และ XDL 1.77 ล้านบาท
รูปทรงมีกลิ่นอายของรุ่นเดิมอยู่มาก ซึ่งเรื่องนี้วิศวกรเจ้าของโครงการ ซึ่งเดินทางมาร่วมงานเปิดตัวที่เมืองไทยบอกว่าเป็นความตั้งใจ พร้อมทั้งให้เหตุผลว่าบางทีอะไรที่มันดีอยู่แล้วก็ต้องเก็บเอาไว้บ้าง และการเปลี่ยนแปลงสำหรับรถยนต์นั้นแตกต่างจากสินค้าแฟชั่นที่พร้อมจะเปลี่ยนแบบสุดขั้ว แต่ถ้าการตอบรับน้อย ก็พร้อมที่จะเปลี่ยนคอลเลคชันใหม่ได้อย่างรวดเร็ว แต่รถยนต์ไม่ใช่อย่างนั้น เปิดตัวมาแล้วยังต้องอยู่กันไปอีกหลายปี
อย่างไรก็ตามตัวถังของซีเอ็กซ์-5 ยาวขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย 10 มม. ความสูงลดลง ระยะห่างจากใต้ท้องรถถึงผิวถนนลดลง ซึ่งส่งผลต่อเรื่องของจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง มีผลต่อการขับขี่ควบคุมรถ แม้ว่าความยาวช่วงล้อจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงก็ตาม
ผมว่านี่คงเป็นแนวทางการจัดการของบรรดาวิศวกรที่น่าจะมีการบ้านข้อหนึ่งคือ การเพิ่มความนุ่มนวลให้กับรถมากขึ้น โดยที่ไม่เสียจุดเด่นไปคือ การทรงตัว การยึดเกาะถนน การควบคุมรถ เพราะรู้สึกได้ว่ารถคันนี้นุ่มขึ้นเมื่อเทียบกับโฉมเดิม ซึ่งอาจจะเป็นผลมาจากเสียงความต้องการของผู้บริโภคที่เดาว่าส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ชอบช่วงล่างที่สปอร์ตเต็มที่ แข็งไม่ว่า กระด้างช่างมัน ขอให้ขับสนุก เหมือนที่ผมชอบ ซึ่งนี่ถือเป็นการบ้านข้อที่ยากข้อหนึ่งของบรรดาวิศวกร ไม่เฉพาะมาสด้า แต่จะเห็นได้ว่าหลายๆ ยี่ห้อก็ปรับมาทางนี้เช่นกัน รวมถึงฝาแฝดด้านอารมณ์จากโลกตะวันตก อย่างบีเอ็มดับเบิลยู
แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ดี ความนุ่มนวล การดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนนหรือเส้นทางขรุขระทำได้ดีขึ้น แต่การควบคุมรถยังคงทำได้ดีแม้ว่าหากใส่เข้าไปในโค้งแบบเร็วกว่าที่การขับขี่ทั่วไปควรจะทำ จะรู้สึกได้ถึงการโยนตัวนิดๆ แต่ยังไม่มีผลมาถึงการควบคุมพวงมาลัยว่าจะต้องเพิ่มต้องลดอะไรอย่างไร ความแม่นยำของพวงมาลัยยังเป็นเรื่องที่ดี และช่วยให้ฝ่าเส้นทางต่างๆ ไปได้อย่างสนุก
ขณะที่การขับขี่ทั่วไป เดินทางไกล ออกต่างจังหวัด ไม่เหนื่อยกับการขับ เพราะรถทรงตัวดี การควบคุมพวงมาลัยแค่จับพอหลวมๆ เท่านั้น ไม่ว่าที่ความเร็วต่ำ ปานกลาง หรือความเร็วสูงก็ตาม
และเลื้อยได้ครับ พวงมาลัยที่แม่นยำ การยึดเกาะถนนที่ดี ช่วยให้การขับแบบเปลี่ยนเลนไปมาไม่มีปัญหา รถที่มีแรงเหวี่ยงหนีศูนย์แล้วกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีอาการร่อน สะบัด ให้รู้สึก แต่ผมก็ย้ำทุกครั้งว่าไม่ได้สนับสนุนให้ขับแบบนั้น แต่ถ้าใครที่ขับรถบนถนนเมืองไทย ก็น่าจะรู้เหตุผลดีว่าทำไมหลายคนต้องขับแบบนั้น
เบรกก็เป็นอีกจุดเด่นสำหรับเอสยูวีที่มีความสูงมากกว่ารถเก๋งทั่วไป เพราะอาการหน้าทิ่มท้ายยก ชวนปวดหัว ไม่ค่อยมี
และเมื่อบวกกับการออกแบบเบาะ ที่นั่งได้ค่อนข้างสบาย ไม่ว่าจะเบาะหน้าเหรือเบาะหลัง ก็ช่วยให้การเดินทางเพลิดเพลินยิ่งขึ้น
ซีเอ็กซ์-5 ตัวท็อปเบนซิน มีอุปกรณ์มาตรฐานติดตั้งมาให้มากทีเดียว รวมถึงระบบปิด-เปิด ฝาท้ายด้วยไฟฟ้า ไม่ต้องออกแรงยกหรือกด ใช้แค่การกดปุ่มเท่านั้น
พูดถึงฝาท้าย ซึ่งภายในจะมีผ้ากั้นเกี่ยวไว้ เพื่อที่ว่าเมื่อปิดฝาท้ายแล้ว ใครจะเอาตาแนบกระจกท้ายมองเข้าไปที่ห้องเก็บของก็จะไม่เห็นอะไร เพราะผ้าปิดไว้ หลีกเลี่ยงสายตาคนคิดไม่ดีจ้องจะฉกของในรถ แต่ผ้าผืนนี้ถ้าดูดีๆ จะพบว่ามันมี 2 ส่วน คือส่วนทึบ กับส่วนที่เป็นตาข่ายถี่ๆ ซึ่งเมื่อเปิดฝาท้ายขึ้นสุด ส่วนที่อยู่ระดับสายตาของเราจะเป็นตาข่าย ซึ่งใช้มาตั้งแต่รุ่นแรก เป็นความละเอียดอ่อนของวิศวกรที่บอกว่าจะได้มองทะลุเข้าไปเห็นในรถได้ กรณีที่พ่อแม่ลงมาเปิดหยิบของท้ายรถแล้วมีเด็กอยู่ในรถก็จะมองเห็นได้ตลอดเวลา รวมถึงมองดูความผิดปกติอื่นๆ ในรถด้วย
ส่วนอุปกรณ์มาตรฐานทีให้มา เช่น เบาะผู้ขับขี่ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลัง และมีหน่วยความจำเพิ่มความสะดวกหากขับกันหลายคน ส่วนฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ปุ่มและชุดควบคุมแบบศูนย์รวมบริเวณคอนโซลเกียร์ จอมิเตอร์ 7 นิ้ว แบบลอยตัวเหนือคอนโซลหน้า ระบบการแสดงข้อมูลการขับขี่ที่กระจกหน้า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ดูอัล โซน กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ ไฟหน้าอัตโนมัติปรับสูงต่ำ เลือกจุดสูง จุดต่ำเอง รวมถึงปรับมุมลำแสงตามการเลี้ยวของรถ ทำให้เห็นเส้นทางในโค้งได้มากขึ้น
ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ ระบบสั่งการด้วยเสียง ตอบสนองคนยุคโซเชียล ด้วยช่องเชื่อมต่อยูเอสบี 2 จุด และช่องจ่ายไฟสำรอง 12 โวลต์ อีก 3 จุด
เครื่องเสียงและลำโพง โบส เอาไปเลย 10 ดอก พร้อมระบบเสียงรอบทิศทาง นอกจากนี้ก็ยังมีระบบนำทาง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน
ด้านความปลอดภัยมีเบรกมือไฟฟ้า ระบบ ออโต้ โฮลด์ ช่วยให้ไม่เมื่อยจากการเหยียบเบรกเมื่อต้องจอดบ่อยๆ ถุงลม 6 ตำแหน่ง ที่คู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมสำหรับเบาะแถวหน้าและแถวหลัง
ระบบเซ็นเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด หลัง 4 จุด ระบบเตือนเมื่อยู่ในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน และขณะถอย พร้อมกล้องมองหลัง ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน ระบบเบรกอัตโนมัติ ซึ่งบอกได้ว่าเบรกหนักมากทีเดียว ดังนั้นอย่าไปพยายามขับจี้ท้ายใคร และก็ยังมีระบบเตือนความเสี่ยงในการชนด้านหน้า
ระบบควบคุมความเร็วอัตโมนัติพร้อมรักษาระยะห่างจากคันหน้า ระบบควบคุมการทรงตัวของรถ หรือ ดีเอสซี ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคมการลบื่นไถล หรือ ทีซีเอส ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน
ก่อนหน้านี้ผมเคยขับรุ่นดีเซลไปแล้ว แต่ว่าครั้งนี้เป็นรุ่นเบนซิน 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และสำหรับรุ่นท็อปของเบนซิน ใช้ยางขนาด 255/55 R19 เท่ากับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ส่วน 2 รุ่นล่างของเบนซินจะใช้ยางขนาด 17 นิ้ว
เกียร์ตัวนี้ทำงานได้ดี ลื่นไหลเปลี่ยนเกียร์รวดเร็วแม่นยำไม่ว่าจะขึ้นหรือลดเกียร์ก็ตาม ช่วยในการขับขี่ได้มาก และตอบสนองการเร่งแซงได้ดี
แม้ว่าที่ช่วงความเร็วต่่ำๆ ถึงกลาง การเรียกกำลังมาจะไม่ทันใจเท่ากับเครื่องดีเซลที่ขับไปก่อนหน้านี้ แต่ยืนยันได้ว่าเพียงพอต่อการใช้งาน และสนุกกับการขับมันได้แน่นอนครับ