ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น
หลังร่วงช่วงแรกจากความกังวลสหรัฐและรัสเซียเพิ่มกำลังการผลิต
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส ปิดตลาดวันจันทร์ (11มิ.ย.)ตามเวลาสหรัฐ ปรับตัวขึ้น หลังจากร่วงลงในช่วงแรกเพราะความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันของสหรัฐและรัสเซีย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 36 เซนต์ ปิดที่ 66.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 3 เซนต์ ปิดที่ 76.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 1 แท่น สู่ระดับ 862 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2558
สหรัฐเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันสูงเป็นประวัติการณ์ โดยแตะระดับ 10.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 28% ในช่วงเวลาเพียง 2 ปี
ขณะที่สำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) ได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ โดยคาดว่า สหรัฐจะผลิตน้ำมันมากกว่า 120,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 11.17 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งจะทำให้สหรัฐแซงหน้ารัสเซียกลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก ขณะที่สหรัฐ สามารถผลิตน้ำมันได้มากกว่าซาอุดิอาระเบียในปีที่แล้ว
ส่วนในปีหน้า อีไอเอ คาดว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 570,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 11.27 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ขณะที่การผลิตน้ำมันของรัสเซียพุ่งแตะระดับ 11.1 ล้านบาร์เรลต่อวันในต้นเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับต่ำกว่า 11 ล้านบาร์เรลต่อวันที่ทำไว้ในเดือนพ.ค. แต่ความกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันที่ลดลงของอิหร่านและเวเนซุเอลายังคงเป็นปัจจัยหนุนตลาด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมทบทวนนโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปก ในการประชุมที่กรุงเวียนนาในวันที่ 22 มิ.ย. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กลุ่มโอเปกและประเทศนอกกลุ่ม นำโดยรัสเซีย มีมติขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันจนถึงสิ้นปีนี้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน