กมธ.ฯ งบ 62 ถาม ก.คลัง บัตรคนจนคุ้มค่าจริงหรือ หลังพบปัญหาพื้นที่อมก๋อย ได้ 200 บาท แต่ต้องจ่ายค่าเดินทางเกือบครึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 (กมธ.พ.ร.บ.งบฯ) ที่มีนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน กมธ.ฯ ได้พิจารณาถึงภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศ และ รายละเอียดของเนื้อหาที่เสนอของบประมาณ
บัตรคนจน,งบ62โดยที่ประชุมได้ตั้งคำถามต่อการดำเนินโครงการของรัฐบาล อาทิ บัตรสวัสดิการคนจน ที่พบปัญหาว่าไม่คุ้มค่า และ ไม่เกิดประโยชน์จริง อาทิ ประชาชนในพื้นที่ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ที่ได้รับบัตรสวัสดิการคนจน มูลค่า 200 บาท แต่พบว่าการใช้จริง ต้องเสียเงินค่าเดินทาง 100 บาท เพราะต้องเข้าเมือง และซื้อสินค้าเฉพาะร้านที่มีเครื่องรูดบัตรสวัสดิการคนจน ซึ่งไม่คุ้มค่า และกรณีที่บ้านเรือนซึ่งไม่ใช่แก๊สหุงต้ม แต่บัตรสวัสดิการกำหนดให้ซื้อเฉพาะก๊าซหุงต้ม จะเฉลี่ยเงินดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายส่วนอื่นที่จำเป็นได้หรือไม่ รวมถึงศักยภาพการชดใช้หนี้ของประเทศ
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงถึงการดำเนินโครงการบัตรสวัสดิการคนจน ว่า ล่าสุดนโยบายดังกล่าวมีความคุ้มค่าและสามารถแก้ไขความยากจนของประชาชนได้อย่างแท้จริง และเป็นกลไกที่กระตุ้นเศรษฐกิจได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางกมธ.พ.ร.บ.งบฯ 62 ยังได้นัดประชุมต่อ วันที่ 12 มิถุนายน เวลา 09.00 17.00 น. โดยมีวาระพิจารณารายละเอียดงบประมาณรายจ่ายของกระทรวงการคลังและหน่วยนในกำกับ ได้แก่ กรมบัญชีกลาง ที่เสนอของบประมาณ 1,789 ล้านบาท , กรมศุลกากร ขอวงเงิน 4,319 ล้านบาท ที่มีรายการสำคัญ อาทิ ค่าจ้างบำรุงรักษาระบบตรวจสอบข้อมูลด้วยตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่อง เอ็กซ์เรย์ จำนว 125 ล้านบาท,งานป้อกันและปราบปรามการกระทำผิดทางศุลกากร วงเงิน 196 ล้านบาทที่ส่วนใหญ่เป็นงบดำเนินงาน อาทิ ค่าเบี้ยเลี้ยง ที่พัก ค่าซ่อมยานพาหนะ เป็นต้น, กรมสรรพสามิต ขอวงเงิน 2,584 ล้านบาท , กรมสรรพากร เสนอขอวงเงิน 9,490 ล้านบาท , กรมธนารักษ์ ที่เสนอของบประมาณ จำนวน 3,718 ล้านบาท
พิจารณาการเสนอของบประมาณของ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ วงเงิน 148 ล้านบาท , สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ขอวงเงิน 2,150 ล้านบาท โดยมีโครงการที่สำคัญ คือ การจัดประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลังอาเซียน ครั้งที่ 23 และการประชุมอื่นเพื่อขับเคลื่อนแผนแม่บทการเชื่อมโยงอาเซียน วงเงิน 54 ล้านบาท และ หน่วยงานสุดท้ายของวัน คือ สำนักงานร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) วงเงิน 741 ล้านบาท เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ผ่านการช่วยเหลือพัฒนาเศรษฐกิจแก่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีโครงการ อาทิ ค่าชดเชยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับ สปป.ลาว, กัมพูชา ที่ทำโครงการต่างๆ อาทิ ทางรถไฟ ถนน เป็นต้น.