เบี้ยประกันชีวิตรับสิ้นเดือนเมษายน ปี 61 เติบโต 7.80 %

เบี้ยประกันชีวิตรับสิ้นเดือนเมษายน ปี 61 เติบโต 7.80 %

เบี้ยประกันชีวิตรับสิ้นเดือนเมษายน ปี 61 เติบโต 7.80 %

นายพิชา สิริโยธิน ผู้อำนวยการบริหารสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่าเบี้ยประกันชีวิตรับรวม ณ สิ้นเดือนเมษายน 2561 มีทั้งสิ้น 206,571.06 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.80 โดยแยกเป็นเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่จำนวน 58,467.91 ล้านบาท และเบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไปจำนวน 148,103.16 ล้านบาท อัตราความคงอยู่ร้อยละ 85 โดยเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ ประกอบด้วย (1) เบี้ยประกันชีวิตรับปีแรกจำนวน 31,654.64 ล้านบาท และ(2) เบี้ยประกันชีวิตรับจ่ายครั้งเดียวจำนวน 26,813.26 ล้านบาท

สำหรับเบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไปที่มีจำนวน 148,103.16 ล้านบาท มีอัตราความคงอยู่ร้อยละ 85 ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี แสดงถึงผู้เอาประกันชีวิตให้ความสำคัญต่อการประกันชีวิตตลอดมา รวมถึงบริษัทประกันชีวิตแต่ละบริษัทได้มีการพัฒนาแบบของผลิตภัณฑ์ออกมาแข่งขันกันอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด

ผู้อำนวยการบริหารสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในยุคที่การเข้าถึงข้อมูลและการสื่อสารเป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็ว ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของการทำประกันชีวิต การวางแผนทางการเงิน และการลงทุนเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคมองหาการลงทุนในรูปแบบใหม่ที่ให้ความคุ้มครองที่คุ้มค่าและมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงกว่ากรมธรรม์ประกันชีวิตแบบสามัญทั่วไป ซึ่งกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit-Linked Product) ถือเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ เพราะนอกจากจะได้รับความคุ้มครองชีวิตแล้ว ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถเลือกลงทุนในกองทุนรวม เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากการลงทุนผ่านกองทุนรวมได้ โดยเบี้ยประกันภัยจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1) ค่าความคุ้มครองตามที่กรมธรรม์ประกันชีวิตกำหนด ซึ่งผู้ขอเอาประกันภัยสามารถเลือกสัดส่วนความคุ้มครองได้ตามความต้องการ 2) ค่าใช้จ่าย และ 3) เงินลงทุนในกองทุนรวมตามสัดส่วนที่ผู้เอาประกันภัยเลือก ซึ่งผลตอบแทนจากการลงทุนฯ จะขึ้นอยู่กับมูลค่าหน่วยลงทุน โดยอาจสูงขึ้นหรือต่ำลงตามผลประกอบการของกองทุนรวม

สมาคมประกันชีวิตไทย จึงขอให้ผู้บริโภคคำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดจากการลงทุน และก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง ควรศึกษาข้อมูลและเลือกลงทุนในกองทุนที่เหมาะสมกับความสามารถในการแบกรับความเสี่ยงนั้นด้วย