'กฤษฎา' สั่งสอบ 'ไทยมิลค์'

'กฤษฎา' สั่งสอบ 'ไทยมิลค์'

"กฤษฎา” สั่งกรมปศุสัตว์ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหลัง รร.ไผทอุดมศึกษา งดให้เด็กดื่มนมโรงเรียน ด้านอ.ส.ค.เร่งจัดหานมจากผู้ประกอบการรายใหม่ทดแทนให้โรงเรียนเพื่อให้นักเรียนมีนมดื่มต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.61 นสพ.สรวิศ ธานีโต รักษาการอธิบดีกรมปศุสัตว์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการบริหารจัดการโครงการอาหารเสริม(นม)โรงเรียน กล่าวว่า ทันทีที่ได้รับรายงานกรณีโรงเรียนไผทอุดมศึกษา ส่งหนังสือแจ้งผู้ปกครองของดดื่มนมโรงเรียนหลังพบนมยู.เอช.ทีหลายกล่องขาดคุณภาพ นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์และองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย(อ.ส.ค.) ในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการนมโรงเรียน เจ้าหน้าที่สำนักงานปศุสัตว์เขต 1 เจ้าหน้าที่สำนักเทคโนโลยีชีวภาพการผลิตปศุสัตว์และเจ้าหน้าที่สำนักงานปศุสัตว์เขตพื้นที่กรุงเทพฯ เข้าพบคณะผู้บริหารโรงเรียนฯ เพื่อตรวจสอบและทราบข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งหมดเป็นการเร่งด่วน จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ลักษณะภายนอกของกล่องนมที่สุ่มตรวจกล่องนมดูปกติแต่นมจะมีลักษณะเนื้อนมเป็นลิ่ม ก้อนคล้ายวุ้นและได้ทำการตรวจสอบด้วยสารละลายเบตาดีนแล้วไม่พบว่าผสมแป้งแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามขณะนี้กรมปศุสัตว์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงในกรณีที่เกิดขึ้นและเก็บตัวอย่างนม ส่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ไปตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนข้อเสนอของโรงเรียนไผทฯขอเปลี่ยนนมจากสหกรณ์โคนม ไทยมิลค์ จำกัด เป็นผู้ประกอบการรายอื่นทางอสค.จะนำเสนอคณะอนุกรรมการบริหารจัดการโครงการอาหารเสริม(นม)โรงเรียนพิจารณาในการประชุมวันที่ 14 มิ.ย.2561

นสพ.สรวิศ กล่าวด้วยว่า สำหรับสหกรณ์โคนม ไทยมิลค์ จำกัด ได้รับการจัดสรรสิทธิให้จัดส่งนมตามโครงการอาหาร (เสริม) นมโรงเรียนให้กับโรงเรียนไผทอุดมศึกษา โดยนมที่ส่งให้เป็นนมยูเอชที ส่งให้ทุกๆ 3 วัน นมชุดที่มีปัญหาผลิตเมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2561 หมดอายุวันที่ 7 ธ.ค 2561

“รัฐมนตรีเกษตรฯแสดงความกังวลและเป็นห่วงสถานการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างมาก ได้สั่งการให้เร่งติดตามสถานการณ์และเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน เพราะไม่อยากให้กระทบต่อสุขภาพของเด็กนักเรียน”

นสพ.สรวิศ กล่าวถึงกระบวนการกำกับดูแลคุณภาพนมโรงเรียนของกรมปศุสัตว์ว่า จะให้ความสำคัญตั้งแต่ต้นทาง คือน้ำนมดิบที่ฟาร์มและศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบกลางทาง เพื่อแปรรูปที่โรงงาน และมาปลายทางโรงเรียน โดยต้นทางการผลิตนั้นจะมีการตรวจน้ำนมดิบที่ศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบและฟาร์มอย่างน้อยปีละ 3 ครั้ง ฟาร์มโคนมจะต้องได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP และตรวจประเมินมาตรฐานฟาร์มอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งและส่งตัวอย่างน้ำนมดิบในฟาร์มตรวจสอบในแลปทุกเดือน

ส่วนกลางทางกรมปศุสัตว์จะสุ่มเก็บตัวอย่างน้ำนมดิบหน้าโรงงานแปรรูปตรวจสอบมาตรฐานเซลล์โซมาติก (SCC) เพื่อคัดกรองไม่ให้นมที่มาจากเต้านมอักเสบปนเข้าสู่การผลิตที่ระดับไม่เกิน 500,000 เซลล์/ลบ.ซม.และตรวจสอบปริมาณของแข็งรวม (Total solid : TS) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 12.25 เพื่อให้มีเนื้อนมที่เข้มข้น ไม่ใสอย่างน้อยภาคเรียนละ 2 ครั้ง โรงงานที่ไม่ผ่านเกณฑ์มีการรายงานไปยังคณะอนุกรรมการบริหารฯ นมโรงเรียนเพื่อลดสิทธิการจำหน่าย และลงโทษตามหลักเกณฑ์ฯ ส่วนการขนส่งโรงเรียน ผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบคุณภาพการขนส่ง มีการควบคุมอุณหภูมิ ดูแลสภาพบรรจุภัณฑ์ไม่ให้ชำรุดและตรวจนับโดยครู-อาจารย์ ส่วนปลายทางจะมีการตรวจสอบที่โรงเรียน โดยคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม (Milk Board) กำหนดให้มีคณะกรรมการนมโรงเรียนระดับจังหวัดและอำเภอทำหน้าที่ติดตาม กำกับ ดูแลคุณภาพนมโรงเรียนในพื้นที่โดยให้เจ้าหน้าที่ของกรมปศุสัตว์ปฏิบัติหน้าที่เลขาฯ

ด้านดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการอค.ส. กล่าวว่า จากข้อมูลเบื้องต้นทราบว่าโรงเรียนไผทอุดมศึกษาได้รับการจัดสรรสิทธินมโรงเรียนประเภทยูเอชทีระดับอนุบาลถึงชั้นประถมโรงเรียน ไผทฯ เด็กนักเรียนจำนวน 2,227 คน มีสหกรณ์โคนมไทยมิลค์ เป็นผู้ผลิต ตอนนี้ยังเหลือนม 72 ลัง

ขณะนี้ อสค.ได้ดำเนินการจัดหาและประสานกับสถานที่ผลิตจากสหกรณ์โคนมหนองโพหรือสวนจิตรลดามาทดแทนโดยด่วนแล้ว เพื่อให้นักเรียนมีนมดื่มต่อเนื่อง ซึ่งในกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นในหลังรร.ไผทอุดมศึกษาถือเป็นกรณีตัวอย่างที่ดี ต้องขอบคุณทางโรงเรียนที่มีความรัดกุมเข้มงวดในการตรวจสอบคุณภาพนมก่อนให้เด็กบริโภคซึ่งประสบการณ์ตรงนี้จะแบบอย่างในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการแนวทางการบริหารจัดการโครงการนมโรงเรียนต่อไป

ปีนี้รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณ 14,000 ล้านบาท เพื่อให้เด็กไทยได้ดื่มนมรวม 7.45 ล้านคนใน 130 วันนับจากวันที่ 16 พ.ค. 2561 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบันโครงการอาหาร(เสริม)นมโรงเรียนบริหารจัดการเชิงบูรณาการโดย 4 หน่วยงานหลักๆ คือ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมปศุสัตว์ กระทรวงสาธารณสุขโดยองค์การอาหารและยา(อย.)ดูแลผลิตภัณฑ์นมโรงเรียน/ควบคุมโรงงานผลิต/การตรวจวิเคราะห์คุณภาพ กระทรวงศึกษาธิการโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนรับผิดชอบโรงเรียน และกระทรวงมหาดไทยดูแลงบประมาณไปยังองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด