ระดมมือปราบ ล่าคนร้ายจี้แบงค์ไทยพาณิชย์ เชิดเงิน 3.5 แสน

ระดมมือปราบ ล่าคนร้ายจี้แบงค์ไทยพาณิชย์ เชิดเงิน 3.5 แสน

ตำรวจระดมชุดสืบสวน ไล่ล่าคนร้ายจี้ชิงทรัพย์แบงค์ ไทยพาณิชย์ สาขากาญจนาภิเษก พร้อมถกเส้นทางการหลบหนี และรูปพรรณสันฐาน เตรียมออกหมายจับ

จากกรณีคนร้ายเป็นชายบุกเดี่ยว ใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์ พร้อมกับบังคับให้พนักงาน ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขากาญจนาภิเษก ถนนกาญจนา ย่านบางแวก กรุงเทพฯ นำเงินสดใส่เป้ที่เตรียมไว้ โดยได้เงินไปกว่า 3.5 แสนบาท ภายหลังก่อเหตุคนร้ายได้วิ่งไปขึ้น รถ จยย.ที่จอดอยู่ด้านนอก และรีบขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เหตุเกิดในพื้นที่รับผิดชอบของ สน.ศาลาแดง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น  

 

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดี ได้ประชุมเร่งรัดความคืบหน้าคดี พร้อมหารือและพิจารณาออกหมายจับ หลังได้ภาพใบหน้าคนร้ายชัดเจน

 

โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.ต.อนุรักษ์ แตงเกษม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ได้เรียกประชุมฝ่ายสืบสวนสอบสวนทั้งจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล , กองบังคับการตำรวจนครบาล 7 และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สน.ศาลาแดง  เพื่อเร่งรัดความคืบหน้าติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ โดยที่ประชุมได้จัดเตรียมเครื่องฉายภาพลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ภาพวงจรปิดเรียงลำดับตั้งแต่ก่อนถึงหลังเกิดเหตุ  ภาพบุคคลต้องสงสัย รวมถึงการจำลองเส้นทางก่อเหตุ และเส้นทางหลบหนีของคนร้าย

  

 

             ขณะที่ พล.ต.ต.อนุรักษ์ เปิดเผยก่อนการประชุมว่า วันนี้เป็นการมาติดตามความคืบหน้า หลังจากที่วานนี้ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เรียกประชุมฝ่ายสืบสวนสอบสวน และได้สั่งการให้ไปสืบสวนหาความชัดเจนในประเด็นต่างๆ ที่ได้มอบหมายไป ซึ่งยังเปิดเผยไม่ได้ว่ามีประเด็นอะไรบ้าง ส่วนกรณีการเตรียมออกหมายจับคนร้ายที่ก่อเหตุ เบื้องต้นต้องหารือในที่ประชุมก่อนว่า มีข้อมูลมากพอจะขอศาลพิจารณาออกหมายจับได้หรือไม่

 

 ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า ตำรวจได้ภาพวงจรปิดที่ชัดเจนขึ้น ทั้งภาพใบหน้าของผู้ต้องสงสัย ที่มีลักษณะการแต่งกายคล้ายกับคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ ไม่ปิดบังใบหน้า สวมหน้ากากอนามัยคาดไว้ที่คาง รวมถึงได้ภาพยานพาหนะที่ใช้ในการหลบหนี ที่จอดห่างจากจุดเกิดเหตุไปประมาณ 50 เมตร โดยพบว่าเป็นรถกระบะสีดำ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์ วีโก้ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งหลังก่อเหตุคนร้ายได้วิ่งไปขึ้นรถคันดังกล่าวเพียงคนเดียว ขับรถหลบหนีไปทางเส้นบรมราชชนนี ที่สามารถมุ่งหน้าไปต่างจังหวัด หรือกลับเข้ากรุงเทพฯได้ และจากความเป็นไปได้ ตำรวจคาดว่า คนร้ายอยู่ระหว่างกบดานหลบซ่อนตัว 

 

สำหรับข้อสงสัยถึงชายรายหนึ่งที่นั่งทำธุรกรรมบริเวณเคาน์เตอร์ใกล้เคียงกับจุดที่ลงมือก่อเหตุ เบื้องต้นจากการสอบปากคำ เชื่อว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังอยู่ระหว่างการรอผลตรวจสอบประวัติอาชญากร ที่กองพิสูจน์หลักฐานเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอไปเปรียบเทียบ เพื่อยืนยันว่าเป็นผู้ที่เคยมีประวัติการก่อคดีมาก่อนหรือไม่ เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าวไม่พบมีการก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้มาก่อน อีกทั้งธนาคารดังกล่าว เพิ่งถูกก่อเหตุลักษณะเช่นนี้เป็นครั้งแรกด้วย