'อาลีบาบา' จ่อคิวซื้อลำไยหมื่นตัน

'อาลีบาบา' จ่อคิวซื้อลำไยหมื่นตัน

ส่งเสริมการเกษตร หนุนนโยบายตลาดนำการผลิต งัดเทคโนโลยี-นวัตกรรมสมัยใหม่เพิ่มมูลค่าลำไยนอกฤดู อัพเกรดคุณภาพ-ดันราคาพุ่ง สบจังหวะปีทองเกษตรกร หลัง "อาลีบาบา" จ่อคิวซื้อลำไยจากไทยกว่าหมื่นตัน

นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า จากปัญหาราคาลำไยตกต่ำ และผลผลิตไม่ได้คุณภาพ กรมฯได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนากระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าลำไยนอกฤดูด้วยเทคโนโลยี โดยวิจัยร่วมกับสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือสวก.แล้วนำมาส่งเสริมให้เกษตรกรภายใต้ระบบเกษตรแปลงใหญ่ลำไยในพื้นที่จังหวัดลำพูนและพื้นที่ภาคเหนือ ส่งให้เกษตรกรนำความรู้ที่ได้รับไปต่อยอดปรับปรุงสวนลำไยสู่ขบวนการผลิตในรูปแบบเกษตรยุคใหม่ เพื่อการผลิตลำไยคุณภาพ เพิ่มรายได้ เพิ่มผลผลิตสามารถขายได้ราคาดี โดยได้นำร่องในกลุ่มแปลงใหญ่ลำไยตำบลศรีบัวบาน จังหวัดลำพูนจนสามารถพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตและขายผลผลิตในราคาดี โดยปัจจุบันกำหนดราคาจำหน่ายลำไยเกรด AA ในราคา40 บาท/กก. เกรดA ราคา 30 บาท/กก.เฉลี่ยกำหนดราคาอยู่ที่ 33บาท/กก. โดยมีตลาดส่งออกหลักคือ จีน อินโดนีเซีย

“การเร่งพัฒนาขบวนการผลิตลำไยให้มีคุณภาพสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ถือเป็นโอกาสทองของเกษตรกรผู้ปลูกลำไยในพื้นที่ลำพูนและจังหวัดพื้นที่ภาคเหนือ เมื่อล่าสุดรมว.พาณิชย์ประกาศว่า บริษัท อาลีบาบา ได้สั่งซื้อ ลำไยจากไทย เพื่อขายบน T-mall.com อีก 10,000 ตัน และคาดว่าจะโตต่อเนื่องอีก 3 ปี จึงเป็นช่องทางที่จะทำให้เกษตรกรเลือกที่จะผลิตสินค้าให้มีคุณภาพและสามารถขายได้ในราคาดี ” นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวถึงสถานการณ์สถานการณ์การผลิตลำไย จ.ลำพูนด้วยว่า ปัจจุบันมีเกษตรกร 44,452 ราย พื้นที่ 270,245 ไร่ พื้นที่ให้ผลผลิต 269,444 ไร่ ผลผลิต (ในฤดู 125,120 + นอกฤดู 125,966 = 251,086 ตันผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ ในฤดู 686 ตัน/ไร่ นอกฤดู 1,447 ตัน/ไร่แผนบริหารจัดการผลผลิตลำไยในฤดู ปี 2561 จ.ลำพูน ปริมาณการผลิต 125,120 ตันการแปรรูปปริมาณ 90,086 ตัน คิดเป็น 72.00 %บริโภคสด ปริมาณ 35,034 ตัน คิดเป็น 28.00 %

สำหรับการแปรรูป ส่วนใหญ่จะนำไปแปรรูปอบแห้ง ปริมาณ 87,584 ตัน คิดเป็น 97% นอกนั้นเข้าโรงงานกระป๋อง/อื่น ๆ ปริมาณ 2,502 ตัน 3 % (จากปริมาณการแปรรูปทั้งหมด)สำหรับการตลาด ส่งออก ปริมาณ 23,773 ตัน คิดเป็น 68% สำหรับตลาดในประเทศ ปริมาณ 11,261 ตัน คิดเป็น 32 % (จากปริมาณการบริโภคสดทั้งหมด)

นายสมชาย กล่าวถึงแนวทางการบริหารจัดการลำไยในปีนี้ด้วยว่า กระทรวงเกษตรฯได้มีนโยบาย ในการให้เกษตรกรทำแปลงใหญ่เพื่อบริหารจัดการสินค้า ทั้งการลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มผลผลิตให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งบริหารจัดการกลุ่มให้เข้มแข็ง จึงนับว่ากลุ่มแปลงใหญ่ลำไย ของ จ.ลำพูน เป็นตัวอย่างของความสำเร็จที่ให้เกิดความเข้มแข็งได้

สำหรับแนวทางการใช้ตลาดนำการผลิต รมว.เกษตรได้ตั้ง Chief of Operation (COO) และ Operation team ( OT ) โดยเป็นทีมเกษตร เกษตรจังหวัด และเกษตรอำเภอ ในการกำกับดูแล ปัญหาสินค้าเกษตร และได้มีการตั้ง อนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์จังหวัด ซึ่งมีสำนักงานเกษตรจังหวัดเป็นเลขานุการ เพื่อกำหนดขั้นตอนการทำงานตามหลักการตลาดนำการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดและอำเภอ รวมทั้งสำนักงานสหกรณ์จังหวัด และประสาน ธ.ก.ส. พื้นที่ด้วย เพื่อร่วมกัน คัดเลือกผลผลิตการเกษตรในพื้นที่จากโครงการตามนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรฯ

พร้อมทั้งให้สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดเป็นผู้ประสานงานกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดและภาคเอกชนในจังหวัดที่ประกอบธุรกิจการซื้อขายผลผลิตทางการเกษตร เช่น หอการค้า สภาอุตสาหกรรม บริษัทประชารัฐรักสามัคคีจังหวัด หรือร้านค้าต่างๆ เพื่อติดต่อกับเกษตรกร หรือกลุ่มเกษตรกร หรือสถาบันเกษตรกรในพื้นที่โดยตรง ทั้งนี้ ให้ประสานงานกับสำนักงานเกษตรจังหวัด อำเภอด้วย

“กระทรวงเกษตรยังมีแผนที่จะจัดทำเว็บไซต์และข้อมูลสำคัญ (big data) เกี่ยวกับผลผลิตการเกษตรมาจัดทำให้เป็นข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน เพื่อเป็นช่องทางให้ผู้สนใจสามารถติดต่อแหล่งซื้อ ขายสินค้าการเกษตร โดยตรงจากพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งการจัดทำระบบซื้อขายผ่านระบบ E-commerce ด้วย โดยให้ประสานเพื่อขอเชื่อมโยงเว็บไซต์ของหน่วยงานรัฐและเอกชนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายผลผลิตการเกษตร เพื่อสะดวกในการค้นหาหรือติดต่อช่องทางค้าขายสินค้า ซึ่งขณะนี้กรมฯ ได้ดำเนินการแล้วโดยร่วมกับ ไปรษณีย์ไทย ซึ่ง ปณ. ได้มีการจัดทำwebsite Thailand Post mart ปัจจุบัน เริ่มดำเนินการไปแล้ว โดยมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่มีความเข้มแข็ง เช่น วิสาหกิจชุมชนบ้านน้ำเกี๋ยน จ.น่านเข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ วางเป้าสินค้าเกษตรอื่นๆ โดยเฉพาะลำไยต่อไป” นายสมชาย กล่าว