นำตัว 'พรหมเมธี' กลับไทยส่อยืดเยื้อ กองปราบลุยคนพาหนี-เส้นทางเงิน

นำตัว 'พรหมเมธี' กลับไทยส่อยืดเยื้อ กองปราบลุยคนพาหนี-เส้นทางเงิน

จนท.ไทยคุยเยอรมันไม่ง่าย นำตัว "พรหมเมธี" กลับส่อยืดเยื้อ กองปราบลุยคนพาหนี5คน ประสานป.ป.ง.สั่งอายัดเงินทุกบัญชี และออกหมายจับเพิ่ม

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีเงินทอนวัดว่า ขณะนี้ทางกองบังคับการปราบปราม ยังไม่ได้รับการประสานจากคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงที่เดินทางไปรับตัว พระพรหมเมธี (เจ้าคุณจำนงค์) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงิน ว่าจะเดินทางกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทยเมื่อใด

ทั้งนี้มีรายงานว่า การนำตัวพระพรหมเมธีกลับมาดำเนินคดีอาจจะต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดเอาไว้ เนื่องจากจะต้องจัดการเกี่ยวกับเรื่องเอกสาร ส่วนกระแสข่าวที่ว่าพระพรหมเมธี มีการของยื่นลี้ภัยทางการเมืองนั้น ตามขั้นตอนผู้ต้องหารายนี้ก็สามารถที่จะทำได้ อยู่ที่ทางการเยอรมันจะรับพิจารณาหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตำรวจไทยมีความพยายามที่จะนำตัวกลับมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุดตามขั้นตอน

รายงานข่าวแจ้งว่า ในส่วนของสำนวนการสอบสวนคดีเงินทอนวัดนั้นอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบเอกสารที่ยึดมาได้จากการตรวจค้นวัดต่างๆ และพนักงานสอบสวนยังได้ประสานงานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ง. ให้อายัดบัญชีธนาคารทุกบัญชีที่เป็นบัญชีส่วนตัวของผู้ต้องหาทั้งหมดทั้งที่เป็นพระและเป็นฆารวาสเป็นเวลา 90 วัน แต่ไม่ได้อายัดบัญชีของวัด เพื่อตรวจสอบเส้นทางทางการเงินอย่างละเอียด

นอกจากนี้มีรายงานว่า การตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดสามพระยาวรวิหาร พนักงานสอบสวนเตรียมที่จะออกหมายจับผู้ต้องหาอีกอย่างน้อย 2 คนที่เกี่ยวกับการทุจริตเงินทอนวัด หลังพบว่า สองสามีภรรยาเจ้าของร้านสังฆภัณฑ์แห่งหนึ่ง มีเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับวัดสามพระยา และไม่สามารถชี้แจงที่มาที่ไปได้ ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากถึง 3 ล้านบาท

ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ที่ให้ความช่วยเหลือพระพรหมเมธีหลบหนีอกนอกประเทศนั้น ทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาชาวไทย 2 คน และชาวลาวอีก 3 คน ฐานกระทำความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 189 ที่ระบุว่าผู้ใดช่วยผู้อื่น ซึงเป็นผู้กระทำความผิด เพื่อไม่ให้ต้องโทษหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยมีรายงานว่าผู้ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีนั้น ประกอบด้วย นางจันทนาและลูกชาย ชาวลาว 2 คน ส่วนคนไทย 2 คน ประกอบด้วย สีกา จ. เจ้าแม่ตลาดหุ้น และนายโค๊ด หลานชายของพระพรหมเมธีที่เป็นผู้ติดตามไปประเทศเยอรมันแต่ปัจจุบันยังไม่ออกหมายจับ