ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 4-8 มิ.ย.2561

ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 4-8 มิ.ย.2561

ตลาดกังวลโอเปคเพิ่มกำลังการผลิต ส่งผลกดดันราคาน้ำมันดิบต่อเนื่อง

ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 64-69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 74 -79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (4-8 มิ.ย. 61)

ราคาน้ำมันดิบคาดจะเผชิญกับแรงกดดันต่อเนื่อง หลังผู้ผลิตทั้งในและนอกโอเปคมีแนวโน้มเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นเพื่อรองรับอุปทานน้ำมันดิบที่อาจขาดหายไปจากอิหร่านและเวเนซุเอลาในการประชุมโอเปควันที่ 22 มิ.ย. นี้ รวมถึง ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบและการส่งออกของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงหนุนจากตลาดน้ำมันดิบที่ยังคงตึงตัวต่อเนื่อง สะท้อนได้จากอุปทานน้ำมันดิบของอิหร่านและเวเนซุเอลาที่มีแนวโน้มปรับลดลงและปริมาณน้ำมันคงคลังทั่วโลกที่อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดจะปรับลดลง เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูกาลขับขี่ของสหรัฐฯ

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

  • จับตาความคืบหน้าระหว่างกลุ่มโอเปคและนอกโอเปคว่าจะมีมาตรการปรับเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับอุปทานที่ขาดหายไปจากอิหร่านและเวเนซุเอลาหรือไม่ จากการประชุมล่าสุดระหว่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซียคาดจะมีการทยอยปรับเพิ่มกำลังการผลิตกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้กลุ่มผู้ผลิตจะมีการทบทวนมาตรการดังกล่าวในการประชุมโอเปคในวันที่ 22 มิ.ย. นี้ว่าจะมีการปรับเพิ่มกำลังการผลิตในระดับเท่าไหร่ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ากลุ่มโอเปคอาจเพิ่มกำลังการผลิตราว 3 – 0.7 ล้านบาร์เรลต่อวันเท่านั้น เนื่องจากยังคงต้องการรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันให้ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง
  • ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ระดับ 10.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังสหรัฐฯ ได้เพิ่มการขุดเจาะในช่วงที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่สูงเหนือระดับต้นทุนการผลิต โดยจำนวนแท่นขุดเจาะในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ที่ 861 แท่น นอกจากนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ได้ปรับเปลี่ยนการคาดการณ์กำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ที่ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 11 ล้านบาร์เรลต่อวันในปลายปีนี้ มาเป็นเร็วขึ้นในไตรมาส 4 ของปีนี้
  • ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านคาดจะปรับลดลงในเร็วนี้ หลังสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์และประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน ส่งผลให้ประเทศต่างๆ ลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านลงก่อนที่มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 พ.ย. ล่าสุดบริษัท Reliance ซึ่งเป็นบริษัทในประเทศอินเดียเตรียมหยุดนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านตั้งแต่เดือน ต.ค. เป็นต้นไป จากเดิมที่มีการนำเข้าโดยเฉลี่ยราว 100,000 บาร์เรลต่อวัน โดยปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านในเดือน พ.ค. ปรับลดลง 100,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ระดับ 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน
  • ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดลง หลังปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดจะปรับลดลง ในขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันของโรงกลั่นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันเพื่อการขับขี่ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
  • โดยปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับลดลง 3.6 ล้านบาร์เรลสำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 25 พ.ค.เนื่องจากการใช้อัตรากำลังการผลิตที่แข็งแกร่ง เปรียบเทียบกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ว่าจะปรับลดลง 525,000 บาร์เรล
  • ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีภาคการบริการสหรัฐฯ ดัชนีภาคการบริการยูโรโซน และดัชนีภาคการบริการจีน และดัชนีราคาผู้บริโภคและผู้ผลิตจีน

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (28 พ.ค. – 1 มิ.ย. 61)

            ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 2.07 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 65.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น  0.35 ดอลลาร์  มาอยู่ที่ 76.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 74.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  หลังตลาดน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากการประชุมระหว่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซีย ที่มีการหารือว่ากลุ่มผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปคอาจปรับเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับอุปทานที่ขาดหายไปจากประเทศเวเนซุเอลาและอิหร่าน นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูงราว 10.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันดิบยังคงอยู่ในสภาวะตึงตัวจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปค โดยในเดือน เม.ย. 61 ที่ผ่านมาได้ทำการปรับลดไปกว่า 1.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน นับเป็นร้อยละ 166 ของปริมาณที่ตกลงเอาไว้