สะพัด! 'พระพรหมเมธี' ข้ามโขงกบดานในลาว

สะพัด! 'พระพรหมเมธี' ข้ามโขงกบดานในลาว

สะพัด! "พระพรหมเมธี" ข้ามแดนไปกบดานในฝั่งลาว ทิ้งรถตู้ไว้ต่างหน้า ผบ.ตร.นําทีมล่าถึงนครพนม

กรณีมีการตรวจสอบการทุจริตเงินทอนวัด และพบหลักฐานการทุจริตงบอุดหนุน มีผู้เกี่ยวข้องเข้าข่ายความผิดหลายระดับ รวมทั้งอดีต ผอ.พศ. เจ้าหน้าที่พศ. และพระหลายรูป กระทั่งมีพระราชโองการให้ถอดถอนสมณศักดิ์พระเถระชั้นผู้ใหญ่ และออกหมายจับอดีตพระเถระชั้นผู้ใหญ่ และพระที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก่อนให้ลาสิกขาแล้วนำตัวเข้าสู่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปแล้ว 7 รูป เป็นพระวัดสระเกศ 5 รูป รวมทั้ง อดีตพระพรหมสิทธิ หรือ พระธงชัย สุขญาโณ อดีตเจ้าอาวาส ส่วนอีก 2 รูป เป็นพระวัดสามพระยา คือ อดีตพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาส และอดีตพระอรรถกิจโสภณ เลขาฯ

ยังมีที่หลบหนีอีก 1 รายคือ พระจำนงค์ หรืออดีตพระพรหมเมธี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค 4-5-6-7 (ธรรมยุต) และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร เขตสัมพันธวงศ์ กทม. ซึ่งเกี่ยวข้องกับฐานความผิดคดีเงินทอนวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัว ล่าสุด มีรายงานว่า หลบหนีไปอยู่ในพื้นที่ จ.นครพนม และเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้นำทีมชุดสืบสวนระดับมือพระกาฬ พร้อมตำรวจกองปราบฯ เดินทางไปที่ จ.นครพนม เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม หลังชุดสืบสวนตรวจสอบแกะรอยแล้วพบว่า พระจำนงค์ ผู้ต้องหาตามหมายจับ สนับสนุนเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ได้เดินทางไปที่ จ.นครพนม ก่อนจะหายตัวไป คาดว่าน่าจะมีลูกศิษย์ที่สนิทสนมให้การช่วยเหลือหลบหนีข้ามไปฝั่งประเทศลาว

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ เปิดปฏิบัติการจับกุมพระเถระชั้นผู้ใหญ่วัดสระเกศ วัดสัมพันธวงศ์ และวัดสามพระยา พระจำนงค์เดินทางไปรับกิจนิมนต์ที่ จ.พิษณุโลก เมื่อทราบข่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้เปิดปฏิบัติการจับพระคดีเงินทอนวัด พระจำนงค์จึงไม่เดินทางกลับวัดสัมพันธวงศ์ แต่เดินทางไปที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.เรณูนคร จ.นครพนม โดยใช้ยานพาหนะเป็นรถตู้ มีโยมอุปัฏฐายิกา ซึ่งมีฐานะร่ำรวย พร้อมคนขับรถพาไป หลังจากนั้น โยมอุปัฏฐายิกาได้ติดต่อไปหาผู้หญิงมีฐานะคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกศิษย์ของพระจำนงค์ ที่อยู่ในเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ประเทศลาว ก่อนจะพาพระจำนงค์ลงเรือหาปลาที่ชุมชนบ้านท่าควาย เขตเทศบาลเมืองนครพนม ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 3 กม. ซึ่งเป็นการหลบหนีผ่านช่องทางธรรมชาติ

สะพัด! 'พระพรหมเมธี' ข้ามโขงกบดานในลาว

หลังจากพระจำนงค์หลบหนีข้ามชายแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้สำเร็จ ได้ไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองท่าแขก หลังจากนั้นในช่วงเช้าวันที่ 31 พฤษภาคม ก็ออกเดินทางต่อไปยังเมืองสองห้อง ซึ่งห่างจากเมืองท่าแขกไปทางเหนือประมาณ 50 กม. จากนั้นก็มีผู้พาออกเดินทางต่อ โดยยังไม่ทราบจุดหมายปลายทางอยู่ที่ใด

สะพัด! 'พระพรหมเมธี' ข้ามโขงกบดานในลาว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้พาพระจำนงค์หลบหนีไว้ได้ที่ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) ขณะกำลังเดินทางกลับจากฝั่งประเทศลาว พร้อมนำตัวไปสอบสวนเพื่อหาเบาะแสของพระจำนงค์ ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย เป็นรถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 3กภ 8672 กรุงเทพมหานคร ซึ่งจอดทิ้งไว้ใกล้กุฏิเจ้าอาวาสวัดป่าสุคนธรักษ์ บ้านค่ายเสรี ต.นางาม อ.เรณูนคร จ.นครพนม ซึ่งเชื่อว่าเป็นยานพาหนะที่พาพระจำนงค์หลบหนี

สะพัด! 'พระพรหมเมธี' ข้ามโขงกบดานในลาว
 

ทั้งนี้ แหล่งข่าวเปิดเผยว่า พระจำนงค์ทราบข่าวมานานแล้วว่าจะมีการจับกุมพระที่เกี่ยวข้องกับคดีเงินทอนวัด และเคยเอ่ยปากกับลูกศิษย์คนใกล้ชิดว่า ไม่มีความกังวลแต่อย่างใด ถ้าเกิดเรื่องขึ้นจริง มีช่องทางหลบหนีอยู่แล้ว เพราะมีญาติโยมพร้อมที่จะช่วยเหลือพาหลบหนี

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 มิถุนายน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปที่วัดป่าสุคนธรักษ์ แต่ไม่พบว่ามีพระสงฆ์ สามเณร หรือผู้ดูแลอยู่ภายในวัด และไม่มีใครแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบเก็บดีเอ็นเอและลายนิ้วมือแฝงภายในรถ พร้อมกับนำรถไปเก็บไว้ที่ สภ.เรณูนคร จ.นครพนม

สะพัด! 'พระพรหมเมธี' ข้ามโขงกบดานในลาว

ขณะเดียวกันทางตำรวจได้เร่งสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลอนุมัติออกหมายจับเจ้าอาวาสวัดชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่ช่วยเหลือพาพระจำนงค์หลบหนี ซึ่งเชื่อว่าได้ลักลอบหนีออกทางชายแดน จ.นครพนม ไปกบดานที่ สปป.ลาว 

มีรายงานข่าวจาก สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) ระบุว่า จากการตรวจสอบ สืบสวน ทราบว่าอดีตพระพรหมเมธีได้หลบหนีไปตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยใช้เส้นทางธรรมชาติผ่านทาง จ.นครพนม–มุกดาหาร เข้าไปที่ สปป.ลาว แล้ว โดยมีผู้ร่วมพาหลบหนี 3-4 คน ใช้รถกระบะ 2 คัน ซึ่งขณะนั้น ยังแต่งกายห่มจีวรเป็นพระสงฆ์ปกติ ไม่ได้ปลอมตัวหรือแต่งเป็นฆราวาสแต่อย่างใด

สะพัด! 'พระพรหมเมธี' ข้ามโขงกบดานในลาว
 

ผู้สื่อข่าว จ.นครพนม รายงานว่า พระสงฆ์ในวัดป่าสุคนธรักษ์รูปหนึ่งเปิดเผยว่า ในวันที่ 29 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา ขณะนั้นทางวัดกำลังเตรียมจัดพิธีเวียนเทียน มีชายคนหนึ่งซึ่งเป็นฆราวาสได้เดินมาบอกว่า “ฝากรถไว้หน่อยนะ” จากนั้นก็เดินหายไป รถที่ชายคนดังกล่าวนำมาจอดไม่ได้ติดแผ่นป้ายทะเบียน ทางตำรวจได้สอบปากคำพระรูปดังกล่าวไปแล้ว และพระก็ได้ยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระจำนงค์

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 1 มิถุนายน ที่ กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง รองผบช.ก. ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนและพนักงานสอบสวนคดีเงินทอนวัด เพื่อนำรายละเอียดการจับกุมและการตรวจยึดของกลางของแต่ละวัดประกอบด้วย วัดสามพระยา วัดสระเกศ และวัดสัมพันธวงศ์ มาตรวจสอบรายละเอียดเพื่อที่จะขยายผลและรวบรวมหลักฐานต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางในการสืบสวนต่อไป โดย พล.ต.ต.สุทินปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ 

มีรายงานข่าวว่า จากการรวบรวมหลักฐานที่ยึดมาได้และการตรวจสอบเส้นทางการเงินเพิ่มเติมแล้วพบว่า ในกรณีของวัดสามพระยา ที่ก่อนหน้านี้ได้จับกุม อดีตพระพรหมดิลก เจ้าอาวาส และ อดีตพระอรรถกิจโสภณ เลขาฯ เจ้าอาวาส ในความผิดฐานฟอกเงินไปแล้วนั้น ยังพบว่ามีฆราวาสอีก 2 คนที่กำลังพิจารณาออกหมายจับเพิ่มด้วยในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน โดยทั้งคู่เป็นสามีภรรยาเจ้าของร้านขายสังฆภัณฑ์แห่งหนึ่งใน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ซึ่งพบว่ามีการโอนเงินจากบัญชีของวัดสามพระยาไปยังบัญชีของร้านสังฆภัณฑ์แห่งนี้อย่างมีพิรุธจำนวน 3 ล้านบาท และคำให้การของสามีภรรยาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าต่างๆ ระหว่างวัดกับร้านค้าไม่สอดคล้องกับหลักฐานทางการเงินที่ปรากฏ

ในส่วนการสืบสวนสอบสวนคดีของพระวัดสระเกศนั้น มีรายงานว่าจากการตรวจค้นกุฏิของพระสงฆ์ที่มีความสนิทกับอดีตพระพรหมสิทธินั้นแม้ว่าจะไม่พบหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำผิดเงินทอนวัด แต่พบว่ามีการเก็บภาพลามกอนาจารซึ่งเป็นภาพของพระสงฆ์รูปดังกล่าวกับชายฆราวาส ซึ่งขณะนี้ชุดสืบสวนกำลังตรวจสอบในโซเชียลมีเดียต่างๆ ว่ามีการเผยแพร่ภาพดังกล่าวหรือไม่ หากพบก็ถือว่าเป็นความผิด ก็จะพิจารณาออกหมายจับด้วย

สำหรับความคืบหน้าในการติดตามตัวอดีตพระพรหมเมธี ซึ่งขณะนี้หลบหนีไปอยู่ที่ประเทศลาว ชุดสืบสวนได้ตรวจสอบพบว่ามีสีกาคนไทย 1 คน และหญิงคนลาว 1 คน เป็นคนให้ความช่วยเหลือข้ามแดน โดยหญิงคนไทยนั้น จากการตรวจสอบประวัติพบว่าเป็นหนึ่งในเจ้าแม่ตลาดหุ้นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปัจจุบันถือหุ้นในบริษัทมหาชนขนาดใหญ่หลายแห่ง 

ส่วนหญิงสาวชาวลาวก็ข้ามแดนไปทางช่องทางเดียวกันในเวลาเดียวกันกับหญิงชาวไทยด้วย โดยขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังพิจารณาออกหมายจับผู้หญิงทั้ง 2 คน ในความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 189 ที่ระบุว่า ผู้ใดช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้ที่พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงอาการป่วยของนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ ว่า เท่าที่ดูมีปัญหาสุขภาพบ้างแต่ไม่รุนแรงมากนัก แต่สิ่งที่เป็นกังวลคือการเคลื่อนไหวที่ไม่สะดวก เนื่องจากหมอนรองกระดูกอักเสบ ซึ่งทางเรือนจำได้ให้แพทย์จากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เข้ามาดูแลตรวจอาการและทำกายภาพบำบัดทุกวัน  คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์ อาการน่าจะดีขึ้น แต่หากไม่ดีขึ้นก็จะต้องพิจารณาว่าจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือไม่