'จักรทิพย์' สั่งเข้มเร่งติดตามตัว 'ยิ่งลักษณ์'

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่1 มิถุนายน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยกรณีสื่อต่างประเทศรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หลบหนีต่างประเทศ ได้วีซ่าของประเทศอังกฤษ 10 ปี ว่า เรื่องนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับให้ดำเนินการในทุกมิติอย่างรอบคอบ ครบถ้วน และเร่งรัดติดตามผลมาโดยตลอด ที่ผ่านมามีความคืบหน้าไปมาก สำหรับในคดีนี้ขอยืนยันว่าดำเนินการอย่างเข้มงวด เช่นเดียวกับคดีอาชญากรรมอื่นๆ ไม่มีการเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด ทั้งนี้ก็ยังคงต้องรอผลการตรวจสอบแหล่งข้อมูลจากหลายๆส่วน รวมทั้งข้อมูลจากต่างประเทศเพื่อยันยันข้อมูลว่าจริงหรือไม่

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ออกประกาศสืบจับและสั่งการให้ทุกหน่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัว นอกจากนี้ยังได้ทำหนังสือส่งหมายจับ ไปที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการถอนหนังสือเดินทางและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งยกเลิกหนังสือเดินทาง ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ฯ แล้วทุกฉบับ ส่วนการดำเนินการทำคำขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ต้องชัดเจนเรื่องที่อยู่ในประเทศที่ร้องขอ และเงื่อนไขการขอตามที่บัญญัติใน พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 ที่เป็นคดีความผิดโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี , เป็นคดีอาญาความผิดทั้ง 2 ประเทศ และไม่ใช่เรื่องการทหารหรือการเมือง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการยืนยันถิ่นพำนัก หลังจากนั้น ตร. จะส่งให้ทางอัยการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเทศปลายทางต่อไป

รองโฆษก ตร. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ได้ใช้ช่องทางตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพล ในการติดต่อประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับประเทศสมาชิกทั้ง 192 ประเทศ มาโดยตลอด ในส่วนการประสานงานกับตำรวจสากลพิจารณาออกหมายน้ำเงิน เพื่อสืบเสาะหาแหล่งพักพิง ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ฯ นั้น ทาง ตร. ได้ยื่นคำขอไปแล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2561 ทางตำรวจสากลได้ปฏิเสธการออกหมายน้ำเงิน ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ฯ โดยให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องทางการเมือง ทั้งนี้การได้หนังสือเดินทาง และวีซ่าเข้าออกประเทศต่าง รวมทั้งการปฏิเสธการออกหมายน้ำเงิน เพื่อสืบเสาะแหล่งพักพิง ไม่ได้เป็นการตัดสิทธิของเจ้าหน้าที่ในการติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ฯ มาดำเนินคดี ซึ่งต่อไป อย่างไรก็ตาม การอนุมัติวีซ่า ก็เป็นดุลยพินิจ หลักเกณฑ์ กรอบกฎหมาย ของประเทศนั้นๆ ไม่เกี่ยวข้องกับทางการไทยแต่อย่างใด