ชู3แนวทาง 'พรรคอนาคตใหม่' เล็งระดมทุน350ล้าน

ชู3แนวทาง 'พรรคอนาคตใหม่' เล็งระดมทุน350ล้าน

ชู3แนวทาง "พรรคอนาคตใหม่" ทำการเมืองสร้างสรรค์ รบ.พลเรือนต้องเหนือกว่าทหาร จ่อ เดินสายระดมทุน 350 ล้าน เล็งตั้ง "มูลนิธิ-วิสาหกิจฯ"หวังตัดตอนหัวคะแนน

เมื่อวันที่ 27 พ.ค.61 เวลา 14.40 น. ที่อาคารยิมเนเซียม 5 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวภายหลังการเปิดประชุมใหญ่ของพรรคฯ ว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีพลังการเมืองเพื่อรื้อฟื้นประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นในสังคมไทย เพื่อหวังให้การเมืองไทยสร้างสรรค์และเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น โดยแนวทางปฏิบัติของพรรคมี 3 ข้อ 1.มุ่งทำงานการเมืองสร้างสรรค์ มุ่งเสนอนโยบายก้าวหน้า หลักการสำคัญคือรัฐบาลพลเรือนต้องเหนือกว่าทหาร ไม่มองพรรคการเมืองคู่แข่งเป็นศัตรู เพราะจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อกำจัด แต่จะมองเป็นคู่แข่ง อีกทั้งต้องการขีดเส้นแบ่งระหว่างการเมืองเก่าและใหม่ออกจากกันให้ชัด ใครใช้เงิน อำนาจ อิทธิพล ดูดส.ส. ซื้อหัวคะแนน สาดโคลน ใส่ร้ายป้ายสี หรือหวังมีอำนาจโดยไม่คำนึงถึงอุดมการณ์ พรรคการเมืองหรือกลุ่มบุคคลใดเป็นเช่นนั้นถือเป็นการเมืองเก่า พรรคอนาคตใหม่จะไม่มีทำงานแบบเก่า ประชาชนจะตัดสินใจเองว่าจะเลือกแบบไหน

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า 2.พรรคอนาคตใหม่จะไม่มีใครเป็นเจ้าของ สมาชิกทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน แสดงออกจากการระดมทุนนำเงินมาดำเนินกิจกรรมทางการเมือง โดยหากสามารถดำเนินการได้เต็มรูปแบบพรรคจะเดินสายทั่วประเทศให้ได้ 350 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย เพื่อใช้หาเสียงเลือกตั้งในต้นปีหน้า ทั้งนี้ พรรคอนาคตใหม่จะไม่มีหัวหน้ามุ้งหรือกลุ่มต่างๆ แกนนำพรรคไม่มีอำนาจกำหนดคนของตัวเองโดยไม่ฟังเสียงสมาชิกในพื้นที่

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า 3.พรรคอนาคตใหม่มุ่งทำงานการเมืองระยะยาว ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ไม่ใช่พรรคที่จะมีส.ส.ไปต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี โดยในช่วงเลือกตั้งเราจะรณรงค์ให้ได้ส.ส.เพื่อผลักดันนโยบายของพรรค เราต้องการมีอำนาจ ไม่ใช่เพื่อมีอำนาจ แต่จะนำอำนาจกลับสู่ประชาชน นอกจากนี้ ในช่วงปกติพรรคจะจัดกิจกรรมต่างๆ จะมีการตั้งมูลนิธิ เพื่อเป็นคลังสมอง ผลิตคนที่เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน และจะสร้างเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนทำงานร่วมกัน จะทำให้การเมืองไม่ผูกพันกับหัวคะแนน หรือการใส่ซองช่วยงานบวช งานแต่งแบบเดิม

"การเอาชนะในทางการเมือง ไม่ใช่เอาชนะด้วยจำนวนเสมอไป ไม่เช่นนั้นเบอร์หนึ่งที่ชนะคงสามารถเปลี่ยนได้หมดแล้ว ไม่อย่างนั้น คสช.ก็ต้องทำทุกอย่างได้หมดแล้ว ซึ่งการเอาชนะกันทางการเมืองต้องเอาชนะกันทางความคิด ปักธงยึดมั่นในประชาธิปไตย สร้างความก้าวหน้าให้สังคมไทย ถ้าทำได้ทั้ง 3 ข้อ จะปรับภูมิทัศน์ทางการเมืองให้ดีขึ้น มนุษย์มีศักยภาพเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ได้ ถึงเวลาแล้วที่ชาวอนาคตใหม่ต้องร่วมมือกันเพื่อยุติทศวรรษที่สูญหายและกำหนดอนาคตใหม่ไปด้วยกัน" เลขาฯพรรคอนาคตใหม่ กล่าว