ปอท.แจงจนท.ขับรถสวมทะเบียนปลอม อ้างรถยึดจากผู้ต้องหา

ปอท.แจงจนท.ขับรถสวมทะเบียนปลอม อ้างรถยึดจากผู้ต้องหา

บก.ปอท.ชี้แจงกรณีเจ้าหน้าที่ฯ ขับรถสวมทะเบียนปลอม ระบุเป็นการตรวจยึดรถมาจากผู้ต้องหา และกำลังนำไปตรวจสอบและส่งให้เจ้าหน้าที่ศุลกากร

ตามที่มีสื่อมวลชน เสนอข่าวเกี่ยวกับกรณี ข้าราชการตํารวจ ปอท. ถูกเจ้าของรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ นิสสัน รุ่น CUTE สีเหลือง หมายเลขทะเบียน ฆจ 6579 กทม. ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตํารวจ สน.ปทุมวัน ตรวจสอบ เนื่องจากพบว่าป้ายทะเบียนที่ติดอยู่ที่รถคันที่ ตร.ปอท. ขับไปตรงกับ หมายเลขทะเบียนของตนนั้น

บก.ปอท. ขอเรียนชี้แจงว่า จากการตรวจสอบทราบว่า รถยนต์คันที่ตำรวจปอท.ขับขี่ไปนั้น เป็นรถยนต์ที่ถูกตรวจยึดได้ที่ลานจอดรถ ในพื้นที่ จ.นนทบุรี โดยสงสัยว่าเป็นรถยนต์ที่ลักลอบ หลบเลี่ยงภาษีศุลกากร เข้ามาในราชอาณาจักรฯ และมีการเสนอขายในสื่อสังคมออนไลน์ แต่ผู้ต้องหาไหวตัวทัน จึงได้หลบหนีและจอดรถทิ้งไว้ และสอบถามไม่พบผู้ใดแสดงตัวเป็นเจ้าของรถ จึงได้ทําการตรวจยึด โดยในขณะที่ตรวจยึดรถได้ติดแผ่นป้ายหมายเลขทะเบียน ฆจ 6579 กทม. อยู่ก่อนแล้ว และมีหนังสือสอบถามไปยังหน่วยงานราชการ และเอกชนที่เกี่ยวข้องหลายแห่งดังนี้

1. สอบถามและนํารถไปตรวจที่ สํานักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง ได้รับแจ้งว่าตรวจไม่พบการขูดลบแก้ไขหมายเลขประจําตัวรถ หรือหมายเลขเครื่อง แต่พบการเปลี่ยนแปลงพ้น สีใหม่ที่รถยนต์
2. สอบถามไปยัง บ.นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ได้รับแจ้งว่าไม่ได้เป็นผู้ผลิต หรือเป็นผู้นําเข้ารถยนต์คันดังกล่าว โดยรถถูกผลิตขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น
3. สอบถามไปยังกรมการค้าต่างประเทศ ได้รับแจ้งว่าไม่ได้มีการอนุญาตให้นํารถยนต์คัน ที่ตรวจยึดเข้ามาในราชอาณาจักรแต่อย่างใด
4. สอบถามไปยังนายทะเบียนกรุงเทพมหานคร ได้รับแจ้งว่าไม่พบการส่งบัญชีรับและ จําหน่ายรถยนต์คันที่ตรวจยึดแต่อย่างใด
5. สอบถามการแจ้งหายของรถไปยังกองทะเบียนประวัติ ไม่พบว่ามีการแจ้งหายในประเทศไทยแต่อย่างไร
6. สอบถามสถานทูตมาเลเซีย ขอให้ตรวจสอบการจดทะเบียน และแจ้งหายในประเทศ มาเลเซีย ได้รับแจ้งว่าไม่มีการจดทะเบียนหรือแจ้งหายในประเทศมาเลเซียแต่อย่างใด ซึ่งเมื่อได้รับเอกสารผลการตรวจต่างๆ ข้างต้นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ในวันที่ 25 พ.ค. 61 เวลา 11.00 น. จึงได้มอบหมายให้จ.ส.ต.อนันต์ฯ ซึ่งเป็น ตร. ในสังกัดกลุ่มงาน สนับสนุนฯ บก.ปอท. นํารถพร้อมทั้งเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องลงประจําวันออกเดินทาง นํารถและเอกสารไปส่งให้กรมศุลกากร ดําเนินการตามกฎหมายศุลกากรต่อไป ก่อนที่จะมี ผู้ร้องขอให้ตรวจสอบรถคันที่ตรวจยึดไว้ดังกล่าว

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บก.ปอท. ขอเรียนว่า รถคันที่ตรวจยึด เป็นรถที่ลักลอบ หลบเลี่ยงภาษีศลุกากร เข้ามาในราชอาณาจักรจริง โดยมีวิธีการคือลักลอบนําเข้ารถยนต์ที่ตลาดต้องการ นํามาทําสีรถ และทําทะเบียนปลอมให้ตรงกับสีและรุ่นของรถที่มีการจด ทะเบียนในประเทศไทย โดย 1 หมายเลขทะเบียน จะมีการนํารถหลบหนีหลายๆ คันมา ทําสีให้ตรง และนําออกขายให้ลูกค้าหลายรายแตกต่างพื้นที่กัน ปัจจุบันพบว่ามีการ โฆษณาขายรถยนต์ในลักษณะนี้บนสื่อสังคมออนไลน์จํานวนมาก บก.ปอท. จึงได้มีคําสั่งให้กวดขันจับกุมการกระทําความผิดโดยเคร่งครัด และมีผลการตรวจยึดและจับกุมรถยนต์ ลักลอบหนีภาษีมาแล้วหลายราย ซึ่งจากการตรวจสอบสื่อสังคมออนไลน์ผู้ที่ถูกจับกุมได้ใน คดีลักลอบนํารถหลบหนีภาษีเข้ามา พบว่ามีการตั้งกลุ่มแชทบนแอพพิเคชั่นไลน์เสนอ แลกเปลี่ยนซื้อขายกันอย่างเปิดเผยในกลุ่ม เฉพาะที่ตรวจพบและอยู่ระหว่างสืบสวน ติดตามจับกุม มีอยู่ประมาณ 45 กลุ่มแชท โดยแต่ละกลุ่มมีสมาชิกกลุ่มละประมาณ 40- 60 คน แลกเปลี่ยนรถ ซื้อขายตามแต่ผู้กระทําผิดรายใดหาลูกค้ามาซื้อได้ ซึ่งราคาซื้อขาย จะมีราคาขายต่ำในท้องตลาดกว่า 70-80 % จึงเป็นแรงจูงใจให้มีลูกค้ามาซื้อ และผู้กระทําผิดได้กําไรจากการขายรถหลบเลี่ยงภาษีจํานวนมาก ซึ่ง บก.ปอท. จะได้สืบสวน ติดตามจับกุมต่อไป