SSP - ซื้อ

SSP - ซื้อ

คงประมาณการกำไรปี 61 เติบโต 37 %YoY จากการ COD โรงไฟฟ้าในญี่ปุ่นได้ตามแผนงาน

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

  • รายงานกำไรสุทธิ 1Q61 อยู่ที่ 106.6 ลบ. เติบโต 4 %YoY และ 46 %QoQ : รายงานกำไรสุทธิ 1Q61 อยู่ที่ 106.6 ลบ. เติบโต 4 %YoY และ 46 %QoQ และรายได้อยู่ที่ 222.4 ลบ.เติบโต 2 %YoY เนื่องจากบริษัทเริ่มรับรู้รายได้โครงการฮิดากะ(21 MW) และโครงการโซลาร์รูปท๊อป 2 โครงการ SNNP1 และ SNNP2 (รวม 1.38 MW)  ในช่วงเดือนมี.ค. 61  และบริษัทมีการชำระคืนเงินกู้ระยะยาวของบริษัทประมาณ 715 ลบ. ทำให้ค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลงอย่างมีนัยสำคัญเหลือ 5 ลบ. -30.6 %YoY พร้อมทั้งได้ปรับโครงสร้างเงินกู้ภายในกลุ่มบริษัทจากระยะสั้นให้เป็นระยะยาว ทำให้ผลกำไร/ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นบันทึกในส่วนอื่นของผู้ถือหุ้นแทนการบันทึกในงบกำไรขาดทุนของบริษัทซึ่งเริ่มใช้ตั้งแต่ 1Q61 เป็นต้นไปซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานบัญชีและผู้สอบบัญชีให้ความเห็นชอบแล้ว
  • คงประมาณการกำไรปี 61 เติบโต 37%YoY จากการ COD โรงไฟฟ้าในญี่ปุ่นได้ตามแผนงาน : คาด 2H61 จะรับรู้รายได้จากโครงการโซล่าร์รูฟท็อปกับบริษัทดูโฮม (SCOD 3Q61, 3 MW)  และโครงการโซเอ็น (SCOD  4Q61, 8 MW) เพิ่มเติมจากไตรมาส 1Q61 ที่ COD ไปแล้ว 3 โครงการ ส่งผลให้คาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากการขายไฟ 1,149 ลบ.เติบโต 31 %YoY  แต่อัตรากำไรขั้นต้นคาดจะลดลงจาก 81% ในปี 60 เหลือ 77 % ในปี 61 เนื่องจากโครงการที่ญี่ปุ่นมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าโครงการในไทย และคาดกำไรสุทธิปี61 อยู่ที่ 464 ลบ. เติบโต 37 %YoY เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายในการ IPO และต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง รวมถึงขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นที่ลดลงจากปีก่อน สำหรับแนวโน้มกำไร 2Q61 มีแนวโน้มเติบโตทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากรับรู้โรงไฟฟ้าฮิดากะและโซลาร์รูปท๊อป 2 โครงการ SNNP1 และ SNNP2 เต็มไตรมาสช่วยหนุนผลประกอบการ
  • คาดเปิดโรงไฟฟ้าได้เร็วกว่าแผน และมองหาโอกาสการขยายธุรกิจเพิ่มเติม : หลังจากรับฟัง Analyst Meeting มีประเด็นเพิ่มเติม 3 ประเด็นคือ 1) โครงการโรงไฟฟ้าโซเอ็นที่ญี่ปุ่นและโรงไฟฟ้า Khunshight Kundi ที่มองโกเลีย(16.4 MW) มีโอกาส COD เร็วกว่าคาดที่ 3Q61 และ 4Q61 ตามลำดับ ซึ่งเร็วกว่ากำหนดหนึ่งไตรมาส จะทำให้ทั้งปีบริษัทมีกำลังการผลิตรวมที่ 107 MW จาก 52 MW ในปี 60 2) ได้มีการปรับโครงสร้างทางการเงินหลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ได้ต้นทุนการเงินที่ต่ำลงทั้งในไทยและญี่ปุ่น 3) บริษัทมีแผนการลงทุนโซลาร์ฟาร์มทั้งในและต่างประเทศต่อเนื่อง อาทิ มองโกเลีย ญี่ปุ่น หรือ เวียดนาม คาดจะสรุปได้ภายใน 3Q61 อย่างน้อย 1 โครงการไม่เกิน 100 MW  
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 10.50 บาท: เราประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ด้วยวิธี DCF ใช้สมมติฐาน WACC 3.77% (ดูรายละเอียดสมมติฐานได้ในตารางที่1)และTerminal Growth = 0 ได้ราคาที่เหมาะสมที่ 10.50 บาท(ยังไม่รวมโครงการ Khunshight Kundi ในประเทศมองโกเลีย) มี Upside ราว 27% จากราคาปัจจุบัน จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”