หุ้นยุโรปปิดลบวิตก"ทรัมป์"ล้มซัมมิต"คิม จอง อึน"

หุ้นยุโรปปิดลบวิตก"ทรัมป์"ล้มซัมมิต"คิม จอง อึน"

ตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดเมื่อคืนนี้ (24พ.ค.)ปรับตัวลงหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐได้ตัดสินใจยกเลิกการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนหน้า

ดัชนี สต็อกยุโรป 600 ลดลง 0.5% ปิดที่ 390.54 จุด ดัชนีซีเอซี-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,548.45 จุด ลดลง 17.40 จุด, -0.31% ดัชนีเอฟทีเอสอี 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,716.74 จุด ลดลง 71.70 จุด, -0.92% ดัชนีดีเอเอ็กซ์ ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,855.09 จุด ลดลง 121.75 จุด, -0.94%

ภาวะการซื้อขายในตลาดยุโรปได้รับปัจจัยกดดันจากการที่นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ตัดสินใจยกเลิกการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย.ที่สิงคโปร์

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ ระบุในจดหมายที่ส่งถึงนายคิมและได้มีการเผยแพร่เมื่อวานนี้ว่า “เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาจากแถลงการณ์ล่าสุดของท่านซึ่งได้แสดงความโกรธ และความมุ่งร้ายอย่างเปิดเผย ผมรู้สึกว่ายังไม่เป็นการเหมาะสมในขณะนี้ที่จะมีการจัดการประชุมดังกล่าวที่มีการวางแผนมาอย่างยาวนาน”

นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับผลกระทบจากรายงานข่าวที่ว่า ปธน.ทรัมป์ได้สั่งการให้นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์ ทำการตรวจสอบว่า รถยนต์และรถบรรทุกที่นำเข้าจากต่างประเทศเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติหรือไม่ โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดของปธน.ทรัมป์ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า รัฐบาลสหรัฐอาจเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตราสูงถึง 25%

หุ้นดอยซ์ แบงก์ ร่วงลง 4.8% หลังจากดอยซ์ แบงก์ ประกาศแผนปลดพนักงานในธุรกิจหลักทรัพย์ลงประมาณ 1 ใน 4 และมีแผนที่จะปรับลดจำนวนพนักงานในส่วนอื่นๆลงกว่า 7,000 ตำแหน่ง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายลดต้นทุนของนายคริสเตียน เซวิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ ซึ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนนายจอห์น ไครอัน ที่เพิ่งก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา

หุ้นเทท แอนด์ ไลล์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตส่วนประกอบอาหาร พุ่งขึ้น 8.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรเพิ่มขึ้น 13% ในปีงบการเงิน 2560 ส่วนหุ้นคิงฟิสเชอร์ ดีดตัวขึ้น 1.5% แม้บริษัทเปิดเผยยอดขายลดลงในไตรมาส 1 ปีนี้ เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน และหุ้นเดลีเมล แอนด์ เจเนอรัล ดิ่งลง 9.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ลดลงในช่วงครึ่งแรกของปีงบการเงิน 2561

หุ้นยูไนเต็ด ยูทิลิตีส์ กรุ๊ป ปรับตัวลง 1.1% และหุ้นเมดิคลินิก อินเตอร์เนชันแนล ดิ่งลง 9.4% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด