เปิด 10 เคล็ดลับดันองค์กรสู่ ‘ดิจิทัล เวิร์คเพลส’

เปิด 10 เคล็ดลับดันองค์กรสู่ ‘ดิจิทัล เวิร์คเพลส’

จะเกิดดิจิทัลเวิร์คเพลสได้ หลักๆ ต้องคำนึงถึงการทำให้เกิดการทำงานร่วมกันภายในองค์กร

ทุกวันนี้ธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมต่างตื่นตัวกับการพัฒนาองค์กรไปสู่ความเป็น “องค์กรดิจิทัล” บางองค์กรเปลี่ยนจุดยืนไปเป็น “เทค คอมพานี” หรือบางองค์กรเริ่มพัฒนา “ดิจิทัล เวิร์คเพลส” เพื่อปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน ปรับโฉมสำนักงานให้รองรับการทำงานยุคใหม่ 

ศิษฏพงศ์ เศรษฐภัทร ผู้อำนวยการฝ่ายบิ๊กดาต้าและอนาไลติกส์ กลุ่มบริษัทจีเอเบิล กล่าวว่า เป้าหมายสำคัญขององค์กรที่ต้องการทำดิจิทัล เวิร์คเพลส(Digital Workplace) คือต้องการปรับปรุงรูปแบบการทำงานภายในองค์กรให้เป็นดิจิทัลเต็มรูปแบบ ช่วยให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น ขณะเดียวกันทันต่อการแข่งขันที่รวดเร็วในโลกดิจิทัล

“การที่จะเกิด ดิจิทัล เวิร์คเพลส ได้หลักๆ ที่ต้องคำนึงถึงคือ เรื่องของการทำให้เกิดการทำงานร่วมกันภายในองค์กรมากขึ้น(Collaboration) เช่นเดียวกับการที่ต้องรู้ว่าบุคลากรใดเหมาะสมกับการทำงานรูปแบบใด(Visibility) และเขาเหล่านั้นจะช่วยให้องค์กรขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างไร"

 ขณะเดียวกัน องค์กรที่ต้องการปรับรูปแบบการทำงานควรตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนในการมุ่งหน้าสู่ ดิจิทัล เวิร์คเพลส เพื่อให้องค์กรชับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยให้การทำงานบรรลุเป้าหมายได้รวดเร็วและทรงประสิทธิภาพ”

มิติใหม่สถานที่ทำงาน

จีเอเบิลได้สรุปการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนการทำงาน 10 ด้าน เพื่อการปรับองค์กรสู่การเป็น ดิจิทัล เวิร์คเพลส เต็มรูปแบบ ประกอบไปด้วย

1.สร้างแหล่งศึกษาความรู้(Ambient Knowledge) เนื่องจากทุกคนมีความต้องการที่จะเรียนรู้เฉพาะเรื่อง เพื่อนำไปแก้ปัญหาในการทำงาน การจัดคอร์สเทรนนิ่งที่ใช้เวลาไม่นานในองค์กรจะช่วยก่อให้เกิดศูนย์กลางความรู้

2.เครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์(Embedded Analytics) เพื่อช่วยให้องค์กรหรือบุคลากรตัดสินใจง่ายขึ้น การเข้าไปรายงานการทำงานต่างๆ จะมีการนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์และแสดงผล โดยมีการบันทึกลงในโปรแกรมหรือแอพพลิเคชั่นที่ช่วยในการวิเคราะห์ แล้วจึงนำข้อมูลนั้นไปใช้งาน

3.เครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงาน(Production Studio) เช่นการจัดเตรียมเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาสามารถเขียนโปรแกรมได้ พร้อมจัดพื้นที่สำหรับการพรีเซนต์ข้อมูลในการประชุมต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกในการทำงาน

4.เครื่องมือช่วยลดระยะเวลาทำงาน ลดขั้นตอนการทำงาน(Process Hacking) เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพของบุคลากร เพิ่มประสิทธิภาพในความถูกต้องและแม่นยำ เช่น ใช้เครื่องมืออัตโนมัติมาช่วยตรวจสอบคุณภาพของสินค้า โปรแกรมตรวจคำผิด 

5.คอร์สระยะสั้น(Microlearning) เพื่อเสริมศักยภาพของบุคลากรและสร้างความรู้ใหม่ๆ การจัดคอร์สที่ให้ความรู้ที่มีหัวข้อหลากหลาย เพื่อให้บุคลากรที่สนใจสามารถเข้ามาเลือกที่จะเรียนรู้ได้ โดยจะเน้นเป็นคอร์สระยะสั้นภายในเวลาไม่เกิน 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง

6.ปรับภูมิทัศน์องค์กร(Office Landscape) ปัจจุบันทุกคนทำงานผ่านโน้ตบุ๊ค ผ่านโลกการสื่อสารดิจิทัล จึงควารปรับภูมิทัศน์ของสถานที่ทำงานที่เอื้ออำนวยต่อการก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และสร้างบรรยากาศการทำงานที่สามารถตอบสนองการทำงานร่วมกันให้ได้มากที่สุด

7.การก่อให้เกิดการทำงานร่วมกัน(Silo-buster) ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยแสดงให้เห็นความชัดเจนในการทำงาน(Visibility) ให้ทุกคนสามารถโชว์ผลงานของตัวเองได้เพื่อสร้างความภาคภูมิใจในผลสำเร็จของงานที่ทำ โดยการสร้างพื้นที่หรือแพลตฟอร์มในการพูดคุย ลงรายละเอียดงานต่างๆ ให้แก่สมาชิกทุกคนในองค์กร

8.นำเทคโนโลยีเสมือนจริง วีอาร์ และ เออาร์ มาใช้(Immersive Technologies) ด้วยการนำอุปกรณ์เหล่านี้มาช่วยในการเทรนนิ่งเช่น การนำวีอาร์มาสอนวิธีใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือต่างๆ ซึ่งสามารถทำให้เราได้เห็นมุมมองเสมือนจริง

9.สร้างพื้นที่เก็บข้อมูลส่วนตัวบนคลาวด์(Personal Cloud) เพราะปัจจุบันในการทำงานไม่จำเป็นต้องทำผ่านโน้ตบุ๊กเครื่องเดียวอีกต่อไปแต่สามารถเก็บข้อมูลไว้บนคลาวด์เพื่อเรียกใช้งานจากอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับรูปแบบของงาน

10.การมีผู้ช่วยเสมือน(Virtual Personal Assistants) อย่างแชทบอทหรือเทคโนโลยีสูงๆ ที่เข้ามาช่วยตอบคำถามเบื้องต้น หรือใช้ในการแนะนำฝ่ายที่เหมาะสมเพื่อที่จะเข้าไปพูดคุยได้ต่อไป

เสิร์ฟทุกบริการบนดิจิทัล

สำหรับบทบาทของกลุ่มบริษัทจีเอเบิล ให้บริการโซลูชั่นสำหรับการทำ ดิจิทัล เวิร์คเพลส ให้กับองค์กรต่างๆ โดยเริ่มจากการทำ ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง(Digital Marketing) ที่ช่วยให้องค์กรธุรกิจนำเทคโนโลยีมาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อช่วยยกระดับองค์กร 

โซลูชั่นดังกล่าวจะมีทั้งโปรดักทิวิตี้ สวีท (Productivity Suite) ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงานภายในองค์กร ตัวอย่างเช่น ระบบจัดการการประเมินประสิทธิภาพของบุคลากรระบบการจัดการทางด้านการเงินระบบการลาเป็นต้น 

นอกจากนี้ยังมีดิจิทัลรีครูทเม้นท์ (Digital Recruitment) ระบบการเปิดรับผู้ร่วมงานทางด้านดิจิทัลเพื่อค้นหาบุคลากรด้านดิจิทัลที่มีคุณภาพและเหมาะสมให้กับองค์กรและ

ดิจิทัล เทรนนิ่ง(Digital Training) ระบบสำหรับการเรียนรู้เกี่ยวกับดิจิทัลโดยผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศสำหรับองค์กรเพื่อเพิ่มทักษะความรู้ทางด้านดิจิทัลให้กับบุคลากรเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพขององค์กรที่จะนำไปสู่การเป็นสถานที่ทำงานแบบดิจิทัลให้เลือกนำไปใช้งานได้ในอนาคต

“หัวใจสำคัญคือ การใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสนับสนุน 10 ด้าน เชื่อมโยงการทำงานในทุกภาคส่วน เน้นเพิ่มศักยภาพบุคลากร การสร้างบรรยากาศการทำงานเพื่อเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ และเป็นผู้ช่วยส่งเสริมการทำงานให้สะดวก รวดเร็ว เพื่อนำไปสู่การทำงานร่วมกันด้วยการใช้เทคโนโลยีอย่างแท้จริง” ศิษฏพงศ์ กล่าว