ศาลปกครองสั่ง สตช.ชดใช้ 2 นรต.เสียชีวิต เหตุร่มไม่กางกว่า 6.5 ล.

ศาลปกครองสั่ง สตช.ชดใช้ 2 นรต.เสียชีวิต เหตุร่มไม่กางกว่า 6.5 ล.

ศาลปกครองเพชรบุรี สั่งชดใช้กว่า 6.5 ล้าน พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ให้ครอบครัว 2 นรต.เสียชีวิต เหตุร่มไม่กาง ระบุชัดอุปกรณ์ชุดฝึกบนเครื่องบินซ่อมไม่ได้มาตรฐาน

เมื่อวันที่ 21 พ.ค.61 ศาลปกครองเพชรบุรี มีคำพิพากษาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ ครอบครัว นรต.ชยากร พุทธชัยยงค์ และครอบครัวนรต.ณัฐวุฒิ ติรสุวรรณสุข ซึ่งเป็นนักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 2 กรณี เข้าฝึกโดดร่มที่ค่ายนเรศวร จ.เพชรบุรี แต่ร่มไม่กาง เป็นเหตุให้ให้นรต.ทั้งสองคนตกร่างกระแทกพื้นเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อปี 2557

โดยศาลระบุว่า จากข้อเท็จจริงและข้อมูลทางเทคนิคปรากฏว่า ชุดสลิงที่บริษัทอุตสาหกรรมการบิน จำกัด นำมาติดตั้งกับเครื่องบินคาซ่า หมายเลข 28053 ที่ใช้ในการฝึกโดดร่มดังกล่าวในระดับความสูง 1,250 ฟุต มีร่องรอยการกลึงและการเจียเพื่อปรับแต่งผิวปลอกรัดของชุดปรับแรงตึงสลิงทั้งด้านและขวา และขอเกี่ยวท้ายเครื่องบินซ้ายและขวาจำนวน 4 ชิ้นด้วยเครื่องมือที่ไม่เหมาะสม ผิดไปจากมาตรฐานที่ควรเป็น โดยเมื่อเทียบกับอุปกรณ์เดียวกับที่ติดตั้งมาพร้อมกับเครื่องบินและที่กองบินตำรวจได้จัดซื้อมาใหม่

และเมื่อพิจารณาข้อมูลทางเทคนิคของชุดสลิงที่ บจก.อุตสาหกรรมการบิน นำมาติดตั้งกับเครื่องบินลำเกิดเหตุ ปรากฏว่าชุดยึดปรับแรงดึงสลิงด้านหัวเครื่องบินด้านซ้ายและขอเกี่ยวด้านท้ายเครื่องบินด้านซ้าย ชุดยึดปรับแรงดึงสลิงด้านหัวเครื่องบินด้านขวา และขอเกี่ยวด้านท้ายเครื่องบินด้านซ้ายไม่พบเลขชี้บ่ง และพบว่าปลอกรัดปลายสายสลิงทั้ง 4 สาย ทำขึ้นมาใหม่ไม่พบเลขชี้บ่ง โดยสลิงมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 8.40 มม. ขณะที่อุปกรณ์ชุดยึดปรับดึงสลิงและขอเกี่ยวของชุดสายสลิง จำนวน 2 ชุดที่จัดซื่อมาใหม่ พบชุดเลขชี้บ่งแต่ละชิ้น และปลอกรัดปลายสายสลิงทั้ง 4 ปลายพบเลขชี้บ่งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากัน คือ 7.30 มม.

เมื่อนำชุดสลิงมาเปรียบเทียบกันแล้ว หากคณะกรรมการติดตามการตรวจซ่อมอากาศยาน ได้ทำหน้าที่โดยติดตาม และตรวจสอบความสมบูรณ์ของการซ่อม ร่วมกับบริษัทผู้รับซ่อม รวมถึงการตรวจสอบความเรียบร้อยหลังการซ่อมก็จะทราบได้ว่า ชุดสลิงที่ บจก.อุตสาหกรรมการบิน นำมาติดตั้งกับเครื่องบินลำเกิดเหตุ มีร่องรอยการดัดแปลงทุกชิ้นส่วน และมีลักษณะทั้งทางกายภาพและเทคนิคที่แตกต่างไปจากชุดสลิงที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากผู้ผลิตซึ่งได้ทำการผลิต และทดสอบแรงดึงมาจากโรงงานเรียบร้อยแล้ว การที่ ตร. ผู้ถูกฟ้องให้การว่า นักบินและช่างอากาศยานได้ตรวจสายสลิงก่อนทำการบินด้วยการสัมผัสและสายตาแล้ว ก็กลับเป็นการรับมอบเครื่องบินลำเกิดเหตุนั้นมาใช้ในราชการทั้งที่ชุดสลิงมีลักษณะทั้งทางกายภาพ และเทคนิคแตกต่างไปจากชุดสลิงที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากผู้ผลิต จึงรับฟังได้ว่า เจ้าหน้าที่ของ ตร. ผู้ถูกฟ้อง ไม่ได้ติดตาม ตรวจสอบความสมบูรณ์ของการซ่อม ร่วมกับบริษัทผู้รับซ่อม รวมถึงการตรวจพินิจความเรียบร้อยหลังการซ่อมก่อนส่งกองบินตำรวจเพื่อใช้ในราชการ กรณีจึงเป็นการที่เจ้าหน้าที่ของ ตร. ผู้ถูกฟ้อง ละเลยต่อหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ

ดังนั้น เจ้าหน้าที่ของ ตร. ผู้ถูกฟ้อง รับมอบเครื่องบินลำเกิดเหตุมาใช้ในราชการ และต่อมานำเครื่องบินนั้นมาสนับสนุนการโดดร่มของ นรต. และสายสลิงที่เป็นอุปกรณ์หลักในการใช้กระตุกร่ม หลุดจากส่วนย้ำขั้วต่อฝั่งซ้ายด้านหัวเครื่องบิน ทำให้สายสลิงนั้นไม่กระตุกสายร่มเพื่อดึงร่มให้กลาง จึงทำให้ร่มของบุตรชายทั้ง 2 คนของผู้ฟ้อง ไม่กางแล้วร่างจึงตกลงมากระแทกพื้นจนเสียชีวิตทั้ง 2 ราย จึงเป็นการที่เจ้าหน้าที่ของ ตร. ผู้ถูกฟ้อง ไม่ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ , วิสัย และพฤติการณ์ อันเป็นการประมาทเลินเล่อของ เจ้าหน้าที่ของ ตร. ผู้ถูกฟ้อง ที่ละเลยต่อหน้าที่ทำให้บุตรของผู้ฟ้องถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นการละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ตร. ผู้ถูกฟ้องซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ผู้กระทำละเมิด จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ฟ้องทั้งสาม

ศาลปกครองเพชรบุรี จึงมีคำพิพากษา 1.ให้ ตร. ผู้ถูกฟ้อง ชดใช้เงินแก่ นายสาธร ผู้ฟ้องที่ 1 บิดาของ นรต.ชยากร เป็นค่าปลงศพ 277,000 บาท , ค่าขาดไร้อุปการะจำนวน 2,088,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,365,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อไป นับแต่วันที่ 26 มี.ค.58 ที่ถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยให้ชำระเสร็จภายใน 60 วันนับแต่วันที่มีคำพิพากษา

2.ให้ ตร. ผู้ถูกฟ้อง ชดใช้เงินแก่นายจตุรงค์ ผู้ฟ้องที่ 2 และนางบุศรา ผู้ฟ้องที่ 3 บิดาและมารดาของ นรต.ณัฐวุฒิ ค่าปลงศพ 279,000 บาท , ค่าขาดไร้อุปการะสำหรับนายจตุรงค์ บิดา 2,088,000 บาท และสำหรับนางบุศรา มารดา 1,728,000 บาท รวมเป็นเงิน 4,095,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับแต่วันที่ 26 มี.ค.58 ที่ถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยให้ชำระเสร็จภายใน 60 วันนับแต่วันที่มีคำพิพากษา

ผู้สื่อข่าวรายงาน อย่างไรก็ดีคดีในศาลปกครองนี้ ยังไม่สิ้นสุด เนื่องจากตามกฎหมายคู่ความยังสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดได้อีกภายใน 30 วันนับแต่วันที่ศาลปกครองเพชรบุรี ที่เป็นศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา